เอเจนซี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กล่าวเมื่อวานนี้ (26) ว่า อเมริกาไม่ใช่ศัตรูของโลกมุสลิม พร้อมประกาศ อิสราเอลและปาเลสไตน์ควรหันหน้าเข้ามาเจรจาสันติภาพกันอีกครั้ง
โอบามา ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์อาหรับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเขาได้บอกกับสถานีโทรทัศน์อัลอรอบียะห์ซึ่งมีฐานอยู่ที่ดูไบว่า ชาวอเมริกันไม่ใช่ศัตรูของโลกมุสลิม
“งานของผมต่อโลกมุสลิม คือ การสื่อสารว่าชาวอเมริกันไ ม่ใช่ศัตรูของพวกท่าน บางทีเราทำผิดพลาด เราก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ”
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า หากมองไปยังบันทึกประวัติศาสตร์ อเมริกาไม่ได้เกิดมาเป็นเจ้าอาณานิคม ความเคารพ ความร่วมมือเป็นสิ่งที่อเมริกามีกับโลกมุสลิม เมื่อไม่นานในช่วง 20 ปี หรือ 30 ปีมานี้ และก็ไม่มีเหตุผลใดที่สหรัฐฯจะไม่ฟื้นฟูมันขึ้นมาอีก
ทังนี้ เมื่อถูกถามถึงเครือข่าวก่อกร้าร้ายอัลกออิดะห์ที่โจมตีสหรัฐฯด้วยคำพูดอย่างรุนแรง ประธานาธิบดีโอบามา ระบุว่า ความคิดของพวกอัลกออิดะห์เป็นความคิดที่ล้มละลาย
นอกจากนี้ โอยามา ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลของเขาจะนำวิธีการที่ครอบคลุมมากยิ่งกว่านี้ในการดำเนินความสัมพันธ์กับโลกมุสลิมด้วย
“เป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะคิดถึงเฉพาะแต่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยไม่คิดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย หรืออิหร่าน หรือเลบานอน หรืออัฟกานิสถาน และปากีสถาน” “สิ่งนี้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน” โอบามา ระบุ
โอบามา กล่าวว่า รัฐบาลของเขาได้เริมต้นเติมเต็มคำสัญญาดังกล่าวแล้วด้วยการแต่งตั้งจอร์จ มิตเซลล์เป็นทูตพิเศษในตะวันออกกลาง ซึ่งได้เดินทางไปผลักดันแผนสันติภาพในภมิภาคนี้แล้ว ตั้งแต่เย็นวานนี้
“แต่ผมเชื่อว่า ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่สุกงอมระหว่างทั้งสองฝ่ายที่จะตระหนักว่า ทางเดินที่พวกเขาก้าวไปนั้นนั้นเป็นแนวทางหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ก้าวไปยังผลของความเจริญ และมั่นคงปลอดภัย แต่เป็นเวลาที่จะกลับมาสู่โต๊ะเจรจาแทน”