เอเอฟพี - บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ เตรียมเดินทางเยือนฉนวนกาซาในวันอังคาร (20) หลังอิสราเอลประกาศหยุดปฏิบัติการนองเลือดรุกรานฮามาสในดินแดนของปาเลสไตน์ ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนประณามยิวยันมีหลักฐานใช้กระสุนฟอสฟอรัสโจมตีกาซาซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
“บัน มีแผนเริ่มต้นการเดินทางของเขาในเยรูซาเลม และจากนั้นเขาจะไปเยือนสำนักงานต่างๆของยูเอ็นในกาซา” ยอสซี เลวี โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิสราเอลบอกกับเอเอฟพี “อย่างไรก็ตามแผนยังอาจเปลี่ยนแปลงได้”
หากกำหนดการดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลง หนนี้จะกลายเป็นครั้งแรกที่ บัน เดินทางเยือนดินแดนซึ่งปกครองโดยกลุ่มฮามาสและถูกกองทัพอิสราเอลถล่มหลายระลอกระหว่างปฏิบัติการรุกรานต่อเนื่อง 22 วันที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,300 คน ก่อนยุติเมื่อวันอาทิตย์ (18)
ขณะเดียวกัน การเดินทางครั้งนี้ยังจะเป็นหนแรกที่ผู้นำต่างชาติไปเยือนดินแดนอันแร้นแค้นแห่งนี้นับตั้งแต่ฮามาสเข้ายึดอำนาจเมื่อเดือนมิถุนายน 2007 หลังขับไล่ทหารฝ่ายจงรักภักดีต่อประธานาธิบดีชาวปาเลสไตน์ มะห์มูด อับบาส
นอกจากนี้ เลขาธิการสหประชาชาติยังมีแผนเดินทางเยือนเมืองสเดรอต ของอิสราเอล ที่อยู่ห่างจากชายแดนกาซา 5 กิโลมตร หลังถูกนักรบฮามาสโจมตีด้วยจรวดหลายพันลูกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ซิปี ลิฟนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อิสราเอล พูดคุยกับ บัน เมื่อวันจันทร์ (19) และเตือนว่า ความพยายามของนานาชาติที่หวังฟื้นฟูกาซาและช่วยเหลือพลเมือง ไม่ควรเป็นการเปิดทางสนับสนุนกลุ่มฮามาส ที่อิสราเอลและตะวันตกตราหน้า ว่า เป็นองค์กรก่อการร้าย ซึ่งยิ่งแต่ทำให้ประชาชนปาเลสไตน์ในกาซาตกอยู่ในอันตราย
รถถังและกำลังพลภาคพื้นดินของอิสราเอลยังคงประจำการอยู่ภายในฉนวนกาซาเมื่อวันจันทร์(19) แม้ข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางและถอนทหารออกจากบางที่มั่นอันสำคัญ
ด้านองค์กรนิรโทษกรรมสากลออกมายืนยันว่า อิสราเอลได้ใช้ยิงกระสุนปืนใหญ่ที่ใช้สารฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบ -- ซึ่งถูกห้ามนำมาเป็นอาวุธโจมตีในพื้นที่มีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่นภายใต้กฎหมายนานาชาติ -- ระหว่างรุกรานกาซา “อย่างชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้”
องค์กรนิรโทษกรรมสากล กล่าวว่า “ตัวแทนขององค์กรนิรโทษกรรมสากล ที่เดินทางไปยังฉนวนกาซา พบหลักฐานที่โต้แย้งไม่ได้ว่ามีการใช้สารฟอสฟอรัสในพื้นที่ที่มีพลเรือนหนาแน่นในฉนวนกาซาและทางตอนเหนือ”
อนึ่ง นักวิเคราะห์ทางทหาร ระบุว่า การใช้สารฟอสฟอรัสเป็นอาวุธโจมตีในพื้นที่มีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่น เช่น ฉนวนกาซาอาจเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสารชนิดนี้มักก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บจากการเผาไหม้ที่ผิวหนังอย่างรุนแรง ซึ่งอาจถึงขั้นเสียชีวิต
