xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐีอันดับ 2 โลกซื้อหุ้น “นิวยอร์กไทมส์” เพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คาร์ลอส สลิม อภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลกชาวเม็กซิโก
เอเจนซี - “นิวยอร์กไทมส์” กำลังเจรจาเพื่อระดมเงินนับร้อยล้านดอลลาร์จากคาร์ลอส สลิม อภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลกชาวเม็กซิโก อันจะทำให้หนังสือพิมพ์ชื่อดังที่กำลังมีปัญหาง่อนแง่นฉบับนี้ มีช่องทางชำระหนี้ที่ติดค้างอยู่ ทั้งนี้ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวต่อสำนักข่าวรอยเตอร์

การลงทุนของสลิม ผู้ที่นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่าเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกอันดับ 2 นั้น ยังสามารถตีความว่าเป็นการลงมติไว้วางใจต่อตระกูลออชส์-ซัลซ์เบอร์เกอร์ ซึ่งอำนาจการควบคุมนิวยอร์กไทมส์ หรือ “เดอะ ไทมส์” ที่มีมากว่าศตวรรษ กำลังถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงที่เขย่ารากฐานธุรกิจหนังสือพิมพ์ทั่วอเมริกาในขณะนี้

บริษัท นิวยอร์กไทมส์ ผู้เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ชื่อเดียวกันกับบริษัท และ หนังสือพิมพ์ บอสตันโกลบ รวมถึงหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับในสหรัฐฯ กำลังประสบปัญหารายได้จากโฆษณาลดฮวบชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

จากการเปิดเผยของแหล่งข่าว เดอะ ไทมส์อาจให้หุ้นบุริมสิทธิ์ที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง แต่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลประจำปีแก่สลิม ที่ถือหุ้นในบริษัทอยู่แล้ว 6.4%

แหล่งข่าวเสริมว่า เดอะ ไทมส์ มีแผนจัดประชุมพิเศษคณะกรรมการบริหารในสัปดาห์นี้ โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล เป็นรายแรกที่รายงานข่าวนี้ ขณะที่โฆษกของเดอะ ไทมส์ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

เงินทุนที่ได้มาจะทำให้เดอะ ไทมส์สามารถจ่ายหนี้ 400 ล้านดอลลาร์ที่จะถึงกำหนดชำระในเดือนพฤษภาคม

ปัจจุบันบริษัทเจ้าของหนังสือพิมพ์ในสหรัฐฯตั้งแต่ แมกแคลตชี โค ไปจนถึง ทรีบูน ต่างเป็นหนี้เป็นสินกันอยู่แล้ว ทว่าเพิ่งจะมาเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อรายได้ชักลดฮวบและส่วนต่างกำไรก็เริ่มวูบหาย โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ผู้อ่านมากมายหันไปหาข่าวฟรีออนไลน์ ทำให้ยอดการตีพิมพ์ลดลง

นอกจากนั้น รายได้จากโฆษณายังยิ่งลดฮวบเมื่อประเทศประสบวิกฤตการเงิน หนังสือพิมพ์ตามเมืองใหญ่ๆ เช่น เดนเวอร์ และซีแอตเติล อาจต้องปิดกิจการในปีนี้ เนื่องจากผู้ตีพิมพ์ไม่สามารถแบกรับภาระได้อีกต่อไป และไม่สามารถหาคนมาซื้อกิจการได้

ราคาหุ้นเดอะ ไทมส์ร่วงลง 70% จากระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ 21.14 ดอลลาร์ต่อหุ้นในเดือนเมษายน อยู่ที่ 6.41 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (16) และจากที่เคยมีราคาหุ้นละ 50 ดอลลาร์เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว

หุ้นที่สลิมถืออยู่ในเดอะ ไทมส์มีมูลค่าราว 128 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา แต่นับจากนั้นมูลค่าก็รูดลงมาจนอยู่ที่ประมาณ 58 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน สลิมบอกว่าการลงทุนในบริษัทแห่งนี้เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลทางการเงินมากกว่าทางยุทธศาสตร์

สลิม วัย 68 ปี เจ้าของอเมริกัน โมวิล บริษัทโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ในละตินอเมริกา, เทเลโฟนอส เดอ เม็กซิโก บริษัทโทรศัพท์ในเม็กซิโก และกิจการอีกมากมาย กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในโลกจากการเดิมพันลงทุนในบริษัทที่มีปัญหา ปีที่แล้ว เขาซื้อหุ้นเพิ่มในแซกส์ อิงก์ ห้างหรูในสหรัฐฯ เป็น 18% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่าอินเบอร์ซา ที่เป็นกิจการโบรกเกอร์ของสลิมในเม็กซิโก ได้เข้าซื้อหุ้นมูลค่าอย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์ตอนที่หุ้นของซิตี้กรุ๊ปร่วงทำสถิติต่ำสุดนับจากปี 1992 แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอินเบอร์ซาซื้อหุ้นนี้ให้สลิมหรือลูกค้ารายอื่น

ผู้สังเกตการณ์ในวงการสื่อหลายคน เชื่อว่า เดอะ ไทมส์ยังจะอยู่รอดต่อไปได้ ในขณะที่หนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ ล้ม กระนั้น บริษัทก็ถูกบีบให้พิจารณาขายทรัพย์สินเพื่อเสริมสถานะเงินสด เช่น หุ้น 17.5% ในบริษัทโฮลดิ้งของทีมเบสบอลบอสตัน เรดซ็อกซ์ แหล่งข่าวยังเผยว่า บริษัทได้รับข้อเสนอซื้อเดอะ โกลบจากนักลงทุนอย่างน้อยหนึ่งราย

คำถามสำคัญคือ ตระกูลออชส์-ซัลซ์เบอร์เกอร์ จะคงอยู่ในธุรกิจได้อีกนานแค่ไหน สื่อและนักวิจารณ์หลายรายตั้งคำถามว่า ตระกูลนี้มีโอกาสอยู่ต่อไปหรือไม่ทั้งที่มูลค่าหุ้นในมือดิ่งฮวบ อย่างไรก็ดี จนถึงล่าสุด อาร์เธอร์ ซัลซ์เบอร์เกอร์ จูเนียร์ ประธานกรรมการและผู้จัดพิมพ์เดอะ ไทมส์ ยืนยันว่าบริษัทไม่ได้มีไว้ขาย

เดอะ ไทมส์ ยังถูกคุกคามอีกครั้งจากวอลล์สตรีท เจอร์นัลของนิวส์ คอร์ป ที่รูเพิร์ต เมอร์ดอค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศโจ่งแจ้งว่าต้องการชิงตำแหน่งผู้นำในวงการหนังสือพิมพ์อเมริกันจากเดอะ ไทมส์

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเผยว่า ผู้บริหารของเดอะ ไทมส์มองว่า การลงทุนของสลิมเป็นพัฒนาการที่ดี ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่กองทุนบริหารความเสี่ยง ฮาร์บิงเกอร์ แคปิตอล พาร์ตเนอร์ส ซื้อหุ้นบริษัท 20% เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ และเรียกร้องให้บริษัทขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักเพื่อกระตุ้นราคาหุ้น รวมถึงขอที่นั่งในคณะกรรมการบริหาร ที่นั่ง ซึ่งเบื้องต้นได้รับการปฏิเสธจากเดอะไทมส์
กำลังโหลดความคิดเห็น