เอเอฟพี/เอเจนซี - ฝูงบินรบของอิสราเอลกระหน่ำโจมตีเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธฮามอส ในพื้นที่ความขัดแย้งดินแดนกาซาตั้งแต่วันเสาร์ (27) และลากยาวเข้าสู่วันที่ 2 ในวันนี้ (28)ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยิงจรวดตอบโต้ เหตุสู้รบรุนแรงครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 228 คน เป็นอีกหนึ่งวันนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดของวิกฤตความขัดแย้งตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าหลายทศวรรษ
เอฮุด บารัค รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ประกาศว่า ภารกิจต่อต้านกลุ่มเคลื่อนไหวอิสลามิตส์ จะดำเนินต่อเนื่อง “ยาวนานเท่าที่จำเป็น”
คอลิด มัชอัล ผู้นำกลุ่มฮามอส ซึ่งอยู่ระหว่างลี้ภัยที่กรุงดามัสกัสของซีเรีย เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ลุกฮือต่อสู้อีกครั้งต่อต้านอิสราเอล และประกาศล้างแค้นด้วยภารกิจระเบิดฆ่าตัวตายครั้งใหม่
ถัดจากการระเบิดโจมตีเมื่อช่วงสาย (27) ภายหลังบินรบราว 60 ลำ ของอิสราเอลกระจายกำลังโจมตีเป้าหมายกว่า 50 จุดภายในไม่กี่นาที กลุ่มฮามอสยิงจรวดและปืนครกตอบโต้อิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 ราย ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุดของกองทัพอิสราเอล
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลดำเนินอยู่เป็นระยะๆ ตลอด 24 ชั่วโมง และย่างเข้าสู่วันที่ 2 แล้วในวันนี้ (28)
สมาชิกกลุ่มฮามอส 2 คน เสียชีวิตระหว่างการโจมตีด้วยเฮลิคอปเตอร์ของอิสราเอลทางตะวันออกของเมืองกาซาซิตี ขณะเตรียมยิงจรวดตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม แหล่งข่าวทางการแพทย์บอก
มัสยิดแห่งหนึ่งใกล้ๆ โรงพยาบาลอัลชีฟาในเมืองกาซาซิตีโดนโจมตีนอย่างยับเยิน หลังอิสราเอลยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายตำรวจกลุ่มฮามอส 2 คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ประตู จนบาดเจ็บสาหัส พยานหลายคนบอก
มัชอัล ผู้นำกลุ่มฮามอสเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ “จับอาวุธลุกขึ้นสู้กับศัตรู” พร้อมประกาศว่า จะยังคงยืนหยัดต่อสู้ด้วยภารกิจการระเบิดพลีชีพ
กลุ่มฮามอส ยุติการใช้ระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีอิสราเอล นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2005
มัชอัล กล่าวว่า การปิดล้อมจะต้องถูกยกเลิก และทางข้ามพรมแดน (อิสราเอล) จะถูกเปิดออกอีกครั้ง
อิสราเอลปิดตายพรมแดนรอบด้าน นับตั้งแต่กลุ่มเคลื่อนไหวหัวรุนแรงฮามอส ยึดครองเขตกาซาในเดือนมิถุนายน 2004 มิหนำซ้ำยังจำกัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยอนุญาตให้รถบรรทุกความช่วยเหลือเพียงไม่กี่สิบคันซึ่งแทบไม่เพียงพอ ข้ามผ่านพรมแดนของประเทศ เพื่อเข้าไปบรรเทาความอดอยากและโรคภัยต่างๆ อันมหาศาลในหมู่ชาวปาเลสไตน์
ด้าน บันคีมุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ยุติความรุนแรง เช่นเดียวกับสหภาพยุโรป, รัสเซีย, อังกฤษ และฝรั่งเศส ขณะที่รัฐต่างๆ ในตะวันออกกลางและกลุ่มสหภาพอาหรับกล่าวประณามอิสราเอล
ความรุนแรงทั้งในและรอบๆ เขตความขัดแย้งดินแดนกาซาลุกโชนขึ้น ภายหลังการสิ้นสุดการหยุดยิงระหว่างสองฝ่าย ซึ่งกระท่อนกระแท่นเรื่อยมา นับตั้งแต่เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน โดย อิสราเอล และฮามอส ต่างโยนความผิดให้กันและกันว่า ฝ่ายตรงข้ามละเมิดการหยุดยิง ซึ่งเจรจาผ่านทางคนกลางจากอียิปต์