เอเอฟพี/ฟ็อกซ์นิวส์ - “แผนที่ความตาย” นี้ ซึ่งคาดหมายเค้าลางการเสียชีวิต อันสืบเนื่องมาจากภัยพิบัติจากธรรมชาติแสดงบริเวณต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่ซึ่งธรรมชาติมีแนวโน้มจะคร่าชีวิตชาวอเมริกันมากที่สุด
ถึงแม้พายุเฮอริเคนและเหตุแผ่นดินไหวจะกวาดพาดหัวสื่อมวลชนทุกแขนงเรียบ แต่คลื่นความร้อนอาจคร่าชีวิตประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ จากผลสำรวจเรื่องภาวะการตายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในสหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่วานนี้ (17)
แผนที่ความตายฉบับนี้ เผยว่า ความเสี่ยงการเสียชีวิตพุ่งสูงสุดในแถบภาคใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งว่ากันว่าจะเกิดภัยหายนะภัยมากมาย ถัดมาคือ ที่ราบ เกรต เพลนส์ ทางตอนเหนือของประเทศ ที่ซึ่งเสี่ยงจะเกิดความร้อนและความแห้งแล้งมากที่สุด ต่อด้วยบริเวณเทือกเขาร็อกกี ที่ซึ่งมฤตยูความหนาวเย็นยะเยือกและน้ำท่วมน่าจะจ่อคิวเล่นงานอยู่
สำหรับที่ที่ปลอดภัยที่สุดนั้น ซึ่งหมายความว่า จะแคล้วคลาดจากภัยธรรมชาติ จะอยู่ที่แถบมิดเวสต์ ฝั่งตะวันตกกลางของสหรัฐฯ หรือตามเมืองต่างๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ผลศึกษาดังกล่าว เผยแพร่ในวารสารระหว่างประเทศเรื่องสุขภาพอนามัยและภูมิศาสตร์
ซูซาน คัตเตอร์ และ เควิน บอร์เดน 2 นักวิจัยจากสถาบันวิจัยความเปราะบางและความเสี่ยงแห่งมหาวิทยาลัยเซาต์แคโรไลนา ใช้ข้อมูลด้านภูมิศาสตร์และทางระบาดวิทยา นำมาประมวลผลและประติดประต่อภาพอัตราการตายในระดับเคาน์ตีด้วยสาเหตุ 11 ประการ โดยความร้อนและแห้งแล้งคิดเป็นร้อยละ 19.6 ของอัตราการตายทั้งหมด
ตามด้วยอากาศร้อนรุนแรง, ลูกเห็บลง, ฟ้าผ่า และพายุฝนฟ้าคะนองอยู่ 18.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอากาศเย็นยะเยือก และหิมะลงอยู่ที่ 18.1 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ แผ่นดินไหว, ไฟป่า และพายุเฮอริเคน มีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ จากสถิติการเสียชีวิตทั้งหมด
“ที่ผ่านมา ภัยธรรมชาติที่ทำลายล้างรุนแรงและถูกนำเสนอมากที่สุด มักเป็นหายนภัยแบบเดี่ยวๆ เช่น เฮอริเคน หรือแผ่นดินไหว คร่าชีวิตผู้คนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าและสร้างความเสียหายเล็กน้อย” ผลศึกษา กล่าว
ผู้เขียนอธิบายว่า ผลงานของเขามีวัตถุประสงค์ เพื่อชี้แนะแนวทางให้กับบรรดานักวางแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหลาย
ข้อมูลทั้งหมดในรายงานชิ้นนี้ อ้างอิงฐานข้อมูลระดับพื้นที่ 3,070 เคาน์ตี ตั้งแต่ปี 1970 - 2004 ไม่รวมมลรัฐฮาวาย และ อะแลสกา โดยช่วงเวลาของการศึกษายังไม่คลอบคลุมปี 2005 ซึ่งเกิดเหตุพายุเฮอริเคนแคทรีนา ที่คร่าชีวิตผู้คน 1,500 ราย