เอเอฟพี - ครบรอบ 60 ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในวันพุธ (10) แต่เสียงเรียกร้องให้ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ยังคงมีอยู่ทุกมุมโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีการละเมิดอย่างรุนแรง เช่น จีน ซิมบับเว และกรีซ
ทั้งนี้แม้ในหลักการข้อ 1 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจะระบุว่า "มนุษย์ทั้งหลายเกิดมาอิสระเสรีและเท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ" แต่ปรากฏว่าเมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มนักเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีนอย่างน้อย 4 คนเพิ่งถูกจับกุมไปสอบสวน หลังจากที่พวกปัญญาชนและนักเขียนราว 300 คนลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องประชาธิปไตยในจีนซึ่งมีการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต นับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศที่มีเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วภายใต้ระบบพรรคเดียว ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันก่อนการเฉลิมฉลอง 6 ทศวรรษแห่งปฏิญญาฯ ดังกล่าว
ส่วนที่ซิมบับเว กลุ่มทนายความในชุดคลุมสีดำเดินทางไปรวมตัวกันที่รัฐสภาและศาลสูงสุดเพื่อประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการลักพาตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ภายใต้ระบอบการปกครองเผด็จการของประธานาธิบดีรอเบิร์ต มูกาเบ
ขณะที่กรีซก็ยังคงมีเหตุจลาจลต่อเนื่องเป็นวันที่หกหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเด็กวัย 15 ปีคนหนึ่งเสียชีวิต และที่อิหร่านนั้นสายลับของรัฐบาลได้ยึดหนังสือเดินทางของนาซริน โซเตาเดห์ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนไว้ เพื่อขัดขวางไม่ให้เธอเดินทางไปรับรางวัลที่อิตาลี
ด้านบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวก่อนหน้านี้ที่เมืองปอซนาน ประเทศโปแลนด์ ในระหว่างการจัดประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ว่า "ผมมีความหวังว่าเราจะดำเนินการด้วยความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตามที่ระบุในปฏิญญาสากลฉบับนี้"
ในวาระครบ 60 ปีแห่งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติซึ่งมีสมาชิก 192 ประเทศยังได้มอบรางวัลสิทธิมนุษยชนประจำปี 2008 ให้กับบุคคลและองค์กรที่มีคุณูปการในสาขานี้ ได้แก่ หลุยส์ อาร์เบอร์ แห่งแคนาดา อดีตข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ, แรมซีย์ คลาร์ค อดีตรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ, ดร. เดนิส มูเอ็คเวเก แพทย์ที่อุทิศตนช่วยเหลือผู้หญิงในคองโกจากการใช้ความรุนแรงและการละเมิดทางเพศ และ ดร. แคโรลีน โกเมส ผู้อำนวยการบริหารของกลุ่มภาคประชาชน "จาไมกัน ฟอร จัสติส" ซึ่งเรียกร้องความยุติธรรมในจาไมกา และองค์กร "ฮิวแมน ไรตส์ วอตช์"
นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับรางวัลที่เสียชีวิตไปแล้ว คือ อดีตนายกรัฐมนตรีเบนาซีร์ บุตโตแห่งปากีสถานผู้ถูกลอบสังหารเมื่อปีที่แล้ว ซิสเตอร์โดโรธี สแตง ชาวบราซิลเชื้อสายอเมริกันที่อุทิศตนช่วยเหลือคนยากจนและปกป้องสิ่งแวดล้อมจนถูกฆาตกรรมในป่าอเมซอนเมื่อปี 2005
ทั้งนี้ พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม ที่กรุงปารีส อันเป็นสถานที่ซึ่งมีการประกาศรับรองปฏิญญาฉบับนี้เมื่อ 60 ปีก่อน
ในการระลึกวาระครบ 60 ปีที่ปารีสคราวนี้ สเตฟาน เฮสเซล ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิว "โฮโลคอสต์" วัย 90 ปี อีกทั้งมีส่วนช่วยร่างเอกสารสำคัญฉบับนี้ด้วย ได้อ่านส่วนอารัมภบทของปฏิญญาฯ ต่อหน้าผู้แทนทางการ ศิลปิน และกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนถือกำเนิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเป็นการจัดระบบแนวคิดสมัยใหม่ในเรื่องศักดิ์ศรีของมนุษย์และเป็นแม่แบบสำหรับการประชุมว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในเวทีระหว่างประเทศต่อๆ มา
ปฏิญญาฉบับนี้ร่างขึ้นโดยอาศัยพื้นฐานจากคำประกาศสิทธิของมนุษย์ของฝรั่งเศสในปี 1789 และคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ปี 1776 ปฏิญญาณฯ มีหลักการสำคัญ 30 ข้อ ซึ่งไม่มีการผูกมัดใดๆ ต่อประเทศผู้ร่วมลงนาม โดยในตอนเริ่มแรกนั้นมี 58 ประเทศที่ร่วมเซ็นรับรอง