เอเอฟพี - คอนโดลิซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงนิวเดลีวันนี้ (3) เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับปากีสถานหลังเกิดเหตุโจมตีนองเลือดที่เมืองมุมไบ
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติในเอเชียใต้ ซึ่งเป็นปรปักษกันและต่างครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ด้วยกันทั้งคู่ เริ่มตึงเครียดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังกลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมกระจายกำลังโจมตีสถานที่สำคัญหลายแห่งของเมืองมุมไบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 188 ราย
แหล่งข่าวจากรัฐบาลอินเดียเผยกับเอเอฟพี ว่า ทางการจะส่งมอบหลักฐานที่ชี้ว่า ปากีสถานพัวพันกับเหตุโจมตีครั้งนี้
“เรามีหลักฐานหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งเจอในโทรศัทพ์มือถือ (ที่ชี้ว่า) ต้นสายโทรมาจากที่ใด และโทรหาใคร” แหล่งข่าวรัฐบาลอินเดีย กล่าว
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า ไรซ์จะกดดันชาติพันธมิตรสหรัฐฯ ทั้งสองนี้ - - ซึ่งเคยทำสงครามกันมาแล้ว 3 ครั้ง นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 -- ให้ร่วมมือกันกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย
“ดิฉันอยากหารือกับรัฐบาลอินเดียในสิ่งที่เราพอจะทำได้เพื่อช่วยเหลือ” ไรซ์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างการเดินทางเยือนอินเดีย “แน่นอน ดิฉันเดินทางไปเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับชาวอินเดีย นี่เป็นการโจมตีอย่างเลวร้ายมาก”
อินเดียกล่าวว่า มือปืนผู้หนึ่งที่ถูกควบคุมตัวได้ ยืนยันระหว่างการสอบสวนว่า กลุ่มติดอาวุธทุกคนมาจากปากีสถาน และผ่านการฝึกฝนยุทธวิธีทางทหารที่ปากีสถานด้วย
สหรัฐฯ กระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ เมื่อกองกำลังติดอาวุธ ไม่ว่าหน้าไหนเป็นปรปักษ์กับอินเดีย เพราะอาจได้เห็นกองทัพปากีสถานเคลื่อนกำลังพลจากพรมแดนทิศตะวันตกซึ่งติดกับอัฟกานิสถาน --ซึ่งเป็นสมรภูมิรบอย่างดุเดือดใน “สงครามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ” -- เพื่อมาคุมเชิงบริเวณพรมแดนด้านตะวันออก ซึ่งติดกับอินเดีย
หลังเกิดเหตุโจมตีทั่วนครมุมไบเมื่ออาทิตย์ก่อน ทุกสายตาหันไปเพ่งเล็งที่ “ลัชกัรอีตอยบะห์” กลุ่มติดอาวุธในจังหวัดแคชเมียร์ของอินเดีย ซึ่งเคยโจมตีรัฐสภาอินเดียแล้วครั้งหนึ่งในปี 2001 ส่งผลให้กรุงนิวเดลีและอิสลามาบัดเขยิบเข้าการเผชิญหน้ากันในสงคราม
ด้าน ไมค์ แมคคอนเนล ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ ประณามกลุ่มติดอาวุธลัชกัรอีตอยบะห์ ว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีนองเลือดในมุมไบ