นาจิบ ราซัคได้รับเลือกเป็น หน.พรรคอัมโน เปิดทางนั่งเก้าอี้นายกฯ มาเลย์

เอเอฟพี - รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลไร้คนคัดค้าน เปิดทางให้เขาเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนถัดไปในเดือนมีนาคม

นายกรัฐมนตรี อับดุลเลาะห์ บาดาวี ผู้ถูกบีบให้ลงจากเก้าอี้หลังพรรครัฐบาลทำผลงานได้น่าผิดหวังในการเลือกตั้งช่วงต้นปีที่ผ่านมา กล่าวว่า เขาจะส่งมอบหน้าที่ให้กับผู้ช่วยของเขา ณ ที่ประชุมทั่วไปพรรคในปีหน้า

นาจิบได้รับการเสนอชื่อจากผู้แทนสาขาของพรรค 138 สาขาจากทั้งหมด 191 สาขาทั่วประเทศ ให้เป็นประธานพรรคคนต่อไป ทำให้เขาคว้าชัยชนะในตำแหน่งประธานพรรคคนใหม่โดยไร้คู่แข่ง ก่อนหน้าการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการตามกำหนดในเดือนมีนาคมปี 2009

ตามกฎผู้ที่จะได้ลงชิงชัยการเลือกตั้งประธานพรรคอัมโน จะต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ จากผู้แทนสาขาของพรรคอย่างน้อย 58 สาขา จากทั้งหมด 191 สาขา ขณะที่ นายราซาเลห์ ฮัมซ่า นักการเมืองอาวุโส ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวของนาจิบ ได้รับการสนับสนุนเพียงเสียงเดียวตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

“ผมคิดว่าสมาชิกเชื่อใจผม...ผมปรารถนาได้รับความไว้วางใจและจะรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถต่อความท้าทายใดที่ทางอัมโนและแนวร่วมบาริซานนาซิโอนาลต้องเผชิญ”

บาดาวีประกาศจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานพรรคอัมโนอีกสมัย และยืนยันจะก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังพรรคอัมโนได้ประธานพรรคคนใหม่ในเดือนเมษายน สืบเนื่องจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลที่เขาเป็นผู้นำทำงานผลได้ย่ำแย่สุดเป็นประวัติการณ์ สูญเสียที่นั่ง 1 ใน 3 ของรัฐสภาและพ่ายแพ้ 5 ในรัฐให้กับฝ่ายค้าน

เดิมทีนายกรัฐมนตรีวัย 68 ปีรายนี้ ต้องการส่งมอบอำนาจให้กับนาจิบในช่วงกลางปี 2010 แต่ถูกบีบให้พิจารณาช่วงเวลาสละเก้าอี้ใหม่ หลังสูญเสียเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคอัมโน

นักวิเคราะห์การเมือง บอกว่า ภายใต้กฎของอัมโน เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ท้าทายที่จะรวบรวมเสียงสนับสนุน ส่วนการแต่งตั้งนาจิบ ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หลังจาก อัลดุลเลาะห์ ระบุว่า เขาคือนายกรัฐมนตรีของประเทศคนถัดไป

“เขาได้รับเสียงสนุนอย่างแข็งแกร่ง เพราะว่าไม่มีตัวเลือกอื่นที่เหมาะสมกว่าภายในพรรคอัมโน และไม่มีใครกล้าพอเสนอชื่อผู้ท้าชิงรายอื่น โดยเฉพาะนับตั้งแต่เขาได้รับเลือกจากอับดุลเลาะห์” โมฮัมหมัด อากุส ยูโซฟฟ์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย กล่าว

“แต่เขากำลังก้าวขึ้นดำรงตำแแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในยามที่เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุด เขาจะต้องแบกรับความคาดหวังมหาศาลจากประชาชน” เขากล่าว