เอเอฟพี – เกิดเหตุระเบิดรถยนต์หลายระลอกในกรุงแบกแดดของอิรัก เมื่อคืนวันอาทิตย์ (28) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่าร้อยคน ส่วนที่เลบานอนเกิดเหตุระเบิดรถบรรทุกทหารนอกเมืองตริโปลี เป็นเหตุให้มีทหารเสียชีวิต 5 นาย
เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของอิรัก กล่าวว่า เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ 3 ครั้งซ้อนกลางกรุงแบกแดดในช่วงสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน โดยเหตุระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้น หลังคนร้ายได้นำระเบิดไปวางไว้ที่รถโดยสารคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ใกล้กับมัสยิดของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ในย่านซูร์ตา แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 35 คน
หลังจากนั้น ได้เกิดเหตุระเบิดครั้งที่ 2 ในย่านไฮ อัล-อามิล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 คน ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงตามมาเป็นครั้งที่ 3 ในเขตการ์ราดา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 72 คน ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นตำรวจ 3 นาย และผู้หญิง 3 คน
ขณะที่ สถานีโทรทัศน์อัล-อิรากียา รายงานว่า เหตุระเบิดในเขตการ์ราดาเป็นทั้งการระเบิดรถยนต์และระเบิดฆ่าตัวตาย โดยคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่ ก่อนจะจุดชนวนระเบิดที่ผูกติดไว้กับตัวท่ามกลางฝูงชนที่กำลังมุงดูเหตุระเบิดดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุระเบิดข้างถนนในเขตมานซูร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 3 คนก่อนหน้านั้นด้วย
เหตุระเบิดหลายระลอกดังกล่าวเกิดขึ้น หลัง พลตรีเจฟฟรีย์ แฮมมอนด์ ผู้บัญชาการทหารของสหรัฐฯ ในอิรัก ได้ออกมาระบุว่า เทศกาลถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนปีนี้ มีเหตุโจมตีเกิดขึ้นในกรุงแบกแดดน้อยที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 21 วันแรกของการถือศีลอด มีเหตุโจมตีเกิดขึ้น 60 ครั้ง เปรียบเทียบกับในปี 2007 ซึ่งมีเหตุโจมตี 600 ครั้ง และในปี 2006 ซึ่งมีเหตุโจมตีเกิดขึ้นถึง 800 ครั้ง
ส่วนที่ เลบานอน ได้เกิดเหตุระเบิดรถยนต์โจมตีรถบรรทุกทหารนอกเมืองตริโปลีเมื่อวันจันทร์ (29) ส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 5 นาย ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 24 คน ในจำนวนนี้เป็นพลเรือน 6 คน ซึ่งนับเป็นเหตุโจมตีกองทัพเลบานอนครั้งที่ 2 ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา