เอเอฟพี/ เอเจนซี - คณะลูกขุนแห่งศาลทหารพิเศษสหรัฐฯ ในกวนตานาโมวานนี้ (6) ตัดสินว่าคนขับรถของอุซามะห์ บินลาดินไม่มีความผิดในข้อหาสมคบคิดกับเครือข่ายก่อการร้าย แต่มีความผิดจริงฐานช่วยเหลือและสนับสนุนกลุ่มอัลกออิดะห์ อย่างไรก็ตาม คำตัดสินคราวนี้ยังมิอาจยุติข้อโต้แย้งเรื่องระบบศาลพิเศษใน "สงครามต่อสู้การก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ นั้นจะมีความยุติธรรมจริงหรือไม่
ในการดำเนินคดีอย่างเต็มขั้นครั้งแรกของศาลทหารพิเศษที่อ่าวกวนตานาโมของประเทศคิวบา คณะลูกขุนตัดสินว่า ซาลิม อะหมัด ฮัมดาน ชาวเยเมน มีความผิดฐานเป็นผู้จัดหาและให้ "ความสนับสนุนทางวัตถุ"กับเครือข่ายอัลกออิดะห์ ด้วยการขับรถให้บินลาดินและขนส่งอาวุธ
พวกที่วิพากษ์วิจารณ์ศาลทหารพิเศษดังกล่าว โต้แย้งว่า คำตัดสินของคณะลูกขุนพิสูจน์ให้เห็นว่า ระบบการพิจารณาคดีในศาลทหารพิเศษที่กวนตานาโมซึ่งก่อตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายนั้น เป็นความบกพร่องอย่างฉกรรจ์ ขณะที่ รัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ระบุว่า ผลการตัดสินแสดงถึงกระบวนการอันยุติธรรม
ทางทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความยกย่องคำตัดสินดังกล่าว พร้อมกันนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังแถลงว่า จะเร่งนำตัวผู้ต้องขังอย่างน้อย 20 รายที่จำคุกอยู่ในกวนตานาโมขึ้นศาลพิเศษนี้
ขั้นตอนหลังจากนี้ คณะลูกขุนจะพิจารณากำหนดบทลงโทษ โดยคาดโทษสูงสุดที่ฮัมดานจะได้รับคือจำคุกตลอดชีวิต
ระหว่างการพิจารณาคดี เพื่อกำหนดบทลงโทษเมื่อบ่ายวันพุธ (6) นาวาเอกคีธ ออลเรด ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะของคดีนี้ได้ปฎิเสธข้อเรียกร้องของอัยการ ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) สาธยายผลกระทบจากเหตุโจมตีเมื่อ 11 กันยายน ปี 2001 นาวาเอกออลเรด ชี้แจงว่า ฮัมดาน "มีบทบาทเพียงเล็กน้อย" ดังนั้น อาจเป็นการไม่ยุติธรรมที่จะให้ศาลรับฟังหลักฐานดังกล่าว เนื่องจากอาจบ่งชี้เป็นนัยว่า จำเลยมีบทบาทสำคัญในโศกนาฎกรรมครั้งนั้น
ฮัมดานมีความผิดข้อหาเดียวฐานให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ด้วยการเป็นคนขับรถและอารักขาบินลาดิน อีกทั้งยังจัดส่งอาวุธให้กลุ่มอัลกออิดะห์ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเครือข่ายดังกล่าวพัวพันกับการก่อการร้าย
คดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมสงครามครั้งแรกในสหรัฐฯ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ทั้งยังถือเป็นบททดสอบสำคัญในกระบวนการพิจารณาคดีในศาลทหารพิเศษกวนตานาโมที่ตกเป็นประเด็นถกเถียงเรื่อยมาจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนว่าไม่ยุติธรรม