เอเอฟพี - มาสเตอร์การ์ดชี้ว่านักท่องเที่ยวจากจีน และมาเลเซีย จะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเขตเอเชียแปซิฟิก ขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2008
นอกจากนี้ การเดินทางไปต่างประเทศของชาวสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไทยก็คาดว่า จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เพราะว่ายังคงมีความต้องการที่จะเดินทางไปต่างประเทศในระดับสูง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อ และราคาเชื้อเพลิง เพิ่มสูงขึ้นก็ตาม
การสำรวจที่ทำโดยมาสเตอร์การ์ดยังพบด้วยว่า นักท่องเที่ยวในเขตเอเชียแปซิฟิก จะเดินทางกัน 88.3 ล้านเที่ยว ทั้งเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยที่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย และจีน จะมีจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จะเดินทางออกนอกประเทศทั้งหมด 25.5 ล้านครั้ง ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคมปีนี้ อันเป็นจำนวนสูงที่สุดในบรรดาตลาดในภูมิภาคนี้ 12 แห่งที่มาสเตอร์การ์ด ทำการสำรวจ อันดับ 2 ก็คือ จีน ซึ่งจะเดินทางออกนอกประเทศ 24.4 ล้านเที่ยว
“แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะยังคงไม่สดใสนัก รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น แต่การเดินทางไปต่างประเทศของประชาชนในเขตเอเชียแปซิฟิก ก็ยังคงเติบโตในอัตรามั่นคงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้” ยูวะ เฮดดริก วอง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของมาสเตอร์การ์ดในภูมิภาคนี้ กล่าว “สาเหตุเนื่องจากรายได้ รวมทั้งการจ้างงานในภูมิภาคนี้ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนสภาพคล่องระหว่างประเทศ และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นก็ยังไม่ส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบนและราคาที่พักเพิ่มขึ้นมากนัก แต่หากว่าปัจจัยเหล่านี้เปลี่ยนไป ภาพรวมของการท่องเที่ยวในช่วงต่อไปก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน”
สิงคโปร์ได้รับการคาดหมายจะมีอัตราเพิ่มของคนเดินทางออกนอกประเทศมากที่สุด โดยมีคนเดินทางไปต่างประเทศมากกว่า 4 ล้านเที่ยว ในครึ่งหลังของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนอินโดนีเซีย จะมีผู้เดินทาง 2.7 ล้านเที่ยว ประเทศไทย 2.1 ล้านเที่ยวและฟิลิปปินส์ 1 ล้านเที่ยว
