เอเอฟพี - เกาหลีใต้บอกวันนี้ (16) คำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังรีสอร์ต ของเกาหลีเหนือ ถูกบังคับใช้อยู่จนกว่าเปียงยางจะรับประกันความปลอดภัย หลังเกิดเหตุทหารโสมแดงย่งนักท่องเที่ยวโซลเสียชีวิต สร้างความรู้สึกช็อกไปทั่วประเทศ
“การท่องเที่ยว ณ ภูเขาคัมกังยังไม่สามารถกลับมาเปิดบริการได้...จนกว่าเราจะได้คำรับประกันด้านความปลอดภัยอย่างหนักแน่นสำหรับนักท่องเที่ยว” ประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ผู้เรียกเหตุการยิงเมื่อวันศุกร์ (11) ว่า การกระทำที่เหลือทนและเรียกร้องให้มีการสืบสวนร่วมระหว่างสองเกาหลี
ภูเขาคัมกังสามารถทำรายได้ให้กับเกาหลีเหนือได้มากถึง 10 ล้านดอลลาร์ต่อปีเลยทีเดียว
ทหารเกาหลีเหนือนายหนึ่งลั่นไกสังหารแม่บ้านวัย 53 ปี ที่หลงทางเข้าไปใกล้พื้นที่ทหารติดกับแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มความสัมพันธ์ที่บูดบึ้งระหว่างสองชาติเพื่อนบ้าน
เกาหลีเหนือที่ตัดการเจรจากับเกาหลีใต้ไปเมื่อช่วงต้นปี และปฏิเสธทีมสืบสวนของรัฐบาลโซลเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกล่าวโทษเกาหลีใต้สำหรับเหตุน่าสลดนี้ แต่กล่าวเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เกาหลีเหนือควรอนุโลมให้มีทีมสืบสวนร่วมระหว่างเกาหลีใต้และเหนือ” โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีอ้างคำพูดของลี พร้อมระบุว่า ท่านประธานาธิบดี บอกว่า พลเรือนและรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้ความช่วยเหลือมหาศาลต่อชาติคอมมิวนิสต์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตลอดจนภูเขาคัมกังด้วย
“มันเหลืออดจริงๆ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เกาหลีเหนือยิงและฆ่านักท่องเที่ยวพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ” เขากล่าว
เกาหลีเหนืออ้างว่านักท่องเที่ยวหญิงรายนี้ที่เดินเลียบไปตามชายฝั่งใกล้โรงแรมของเธอ ได้ "ข้ามผ่านจุดเขตแดนไปไกล” และบุกรุกเข้าไปยังพื้นที่ควบคุมของทหาร
เกาหลีเหนืออ้างคำกล่าวของ ยูน มัน จูน หัวหน้าทัวร์ ที่บอกว่าผู้หญิงรายดังกล่าววิ่งหนีเมื่อถูกร้องถามถึง 3 ครั้งว่า “หยุดไม่งั้นยิง” แต่เธอไม่ยอมหยุด ทำให้นายทหารยิงเตือนหนึ่งนัด ก่อนเล็งเข้าใส่เธออีก 2 นัด และเธอจบชีวิตลงตรงชายหาด
รัฐบาลโซลได้ตั้งทีมสืบสวน ในจำนวนนั้นรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศาลยุติธรรมได้จัดประชุมครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (14) โดยพวกเขาจะไต่สวนพยานที่อยู่ในพื้นที่ แต่ต้องรอให้เกาหลีเหนืออนุญาตเข้าไปยังเขตภูเขาคัมกังเสียก่อน