เอเอฟพี – ผู้นำออสเตรียแสดงความเป็นห่วงภาพลักษณ์ของประเทศที่ต้องป่นปี้ในสายตาชาวโลก หลังล่าสุดเกิดคดีพ่อชั่วจับลูกขังห้องใต้ดินก่อนข่มขืนนานกว่า 24 ปี ซึ่งนับเป็นคดีอื้อฉาวรายที่ 3 ในรอบไม่กี่ปีของออสเตรีย
นายกรัฐมนตรีอัลเฟร็ด กูเซนเบาเออร์ ของออสเตรีย ออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ (30) ว่า ชื่อเสียงของประเทศออสเตรียต้องเสียหายป่นปี้จากการกระทำของโจเซฟ ฟริตเซล ชาย วัย 73 ปี ในเมืองอัมสเตทเทน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเวียนนาไปทางตะวันตกประมาณ 100 ไมล์ (160 กิโลเมตร)
“เราไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ มันไม่มีคดีของเมืองอัมสเตทเทน มันไม่มีคดีของออสเตรีย แต่เป็นคดีของคนๆ หนึ่ง เหตุการณ์ซึ่งไม่อาจจินตนาการได้และน่าสะพรึงกลัวนี้ ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงและชั่วร้าย ทำให้หลายคนถึงกับพูดไม่ออก อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือเหยื่ออย่างดีที่สุด” นายกฯ ออสเตรียกล่าวถึงพฤติกรรมอันชั่วช้าของฟริตเซลซึ่งได้จับลูกสาวของตัวเองขังไว้ในห้องใต้ดินโดยไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันเป็นเวลากว่า 24 ปี และข่มขืนเธอจนมีลูกถึง 7 คน
ขณะที่ ประธานาธิบดีไฮนซ์ ฟิสเชอร์ของออสเตรีย กล่าวว่า คดีดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศออสเตรียอย่างสิ้นเชิง
“ความน่าสะพรึงกลัวซึ่งมนุษย์เป็นผู้ก่อขึ้นปรากฏชัดแจ้งได้ทุกแห่ง” ประธานาธิบดีออสเตรียกล่าว
การออกมาแสดงความเป็นห่วงของผู้นำออสเตรียมีขึ้น หลังจากสมาคมการตลาดของออสเตรีย (โอจีเอ็ม) ออกมาระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ออสเตรียถูกเรียกขานว่า “ดินแดนแห่งห้องใต้ดิน” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ เคยเกิดกรณีกักขังเด็กในออสเตรียมาแล้วถึง 2 กรณีด้วยกัน ได้แก่ กรณีของนาตาชา คัมพุช เด็กหญิงวัย 10 ปี ซึ่งถูกโวล์ฟกัง พริโคลพิล ลักพาตัวเธอระหว่างเดินทางไปโรงเรียนเมื่อปี 1998 ก่อนนำตัวไปกักขังตัวไว้ในห้องใต้ดินนานถึง 8 ปี อย่างไรก็ตามคัมพุชสามารถหลบหนีออกมาได้เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2006
ส่วนอีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นใกล้กับเมืองลินซ์ เด็กหญิง 3 คนถูกกักขังเป็นเวลาถึง 7 ปี โดยแม่ของพวกเธอซึ่งมีอาการป่วยทางจิต ก่อนที่เรื่องจะถูกเปิดเผยเมื่อปีที่แล้ว