เดลิเมล์ - เจ้า “คนุต” หมีขั้วโลกเปลี่ยนสภาพจาก “หมีน้อยแสนน่ารักน่าชัง” มาเป็น "หมีบ้าที่คลั่งไคล้การปรากฏตัวต่อสาธารณะ" หนึ่งในเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลคนุตระบุวานนี้ (24)
มาร์คุส ร็อบเก กล่าวว่า ดาวเด่นประจำสวนสัตว์เบอร์ลินตัวนี้หลงใหลแสงสีและจะคำรามอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อไม่ม่ใครมาเยี่ยมชม
"คนุตต้องไปได้แล้ว ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี" ร็อบเกกล่าวและยืนกรานว่า ต้องส่งคนุตไปยังอุทยานสัตว์ ที่ซึ่งหมีขั้วโลกเหนือตัวนี้จะได้รับความสนใจน้อยลง
“คนุตหลงใหลการแสดง และการยกยอสรรเสริญแบบมนุษย์ นั่นไม่ดีต่อสุขภาพของมัน”
“มันจะคำรามหรือร้องครวญคราง หากเห็นว่าไม่มีผู้ชมมาร้อง “โอ้โห! และ“อู้หู!” อยู่ภายนอกกรงของมัน
“ครั้งหนึ่งเมื่อทางสวนสัตว์จำเป็นต้องระงับการให้บริการ เนื่องจากมีแผ่นน้ำแข็งปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ คนุตก็ส่งเสียงคำรามไม่หยุด จนบรรดาเจ้าหน้าที่ต้องมายืนหน้ากรงของมัน จากนั้นมันก็สงบลง”
คนุต เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี 2006 แต่ชีวิตของมันแสนจะรันทด เพราะถูกแม่ผู้ให้กำเนิดทอดทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย ขณะที่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์บางคนออกมากล่าวว่า สำหรับคนุตแล้ว การตายคงจะดีกว่าการได้รับการดูแลจากมนุษย์
อย่างไรก็ตาม คณะผู้อำนวยการสวนสัตว์เบอร์ลิน ก็ตัดสินใจเลี้ยงดูคนุตต่อไป และมันก็กลายเป็นดาราสำคัญของที่นี่ โดยสร้างรายได้ให้กับสวนสัตว์ราว 6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 380 ล้านบาทจนถึงปัจจุบัน
ร็อบเกเสริมว่า “ปัญหาอยู่ที่ว่า คนุตมองดูตัวเองว่าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่หมีขั้วโลก”
“และตราบเท่าที่คนุตอยู่กับเรา มันก็จะคิดอยู่เสมอไปว่า โทมัส ดอร์ฟฟิน เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ซึ่งเฝ้าเลี้ยงดูฟูมฟักคนุตมากับมือนั้นเป็นพ่อของมัน คนุตต้องการชื่อเสียง”
ร็อบเกไม่ใช่คนเดียวเท่านั้นที่ลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับสุขภาพจิตของคนุต ก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนมกราคม นักอนุรักษ์สัตว์คนสำคัญได้ตั้งฉายาให้คนุตว่า “หมีโรคจิต”
