xs
xsm
sm
md
lg

อิรักระส่ำ ยอดสูญทหารสหรัฐฯ พุ่งถึง 4,000 ศพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี – ยอดทหารสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตในอิรักพุ่งถึง 4,000 ศพ แล้ว ภายหลังกองทัพประกาศสูญเสียทหาร อีก 4 นายวันนี้ (24) โดยอ้างอิงตามตัวเลขบนเว็บไซต์อิสระ www.icasualties.org

ทางกองทัพสหรัฐฯ กล่าวว่า ทหาร 4 นายถูกสังหารในวันอาทิตย์ (23) โดยการโจมตีบนถนนระหว่างการลาดตระเวนทางตอนใต้ของกรุงแบกแดด ทำให้ยอดรวมทหารที่เสียชีวิตในอิรักเป็น 4,000 ศพ นอกจากนี้ ทางกองทัพยังเผยว่า มีทหารอีก 1 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งนี้ด้วย

จากการอ้างอิงของเว็บไซต์ดังกล่าว ความยุ่งเหยิง และโหดร้ายของการปะทะกันในรอบปีที่ 6 นี้เป็นผลให้ทหารอเมริกันกว่า 29,000 นายได้รับบาดเจ็บ

จำนวนที่เพิ่มของผู้เสียชีวิต อย่างน้อยที่สุด 97 เปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นภายหลังประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐฯ ประกาศสิ้นสุด ปฏิบัติการ “การสู้รบสำคัญ” ในอิรักในวันที่ 1 พ.ค. ปี 2003 เมื่อกองทหารอเมริกันถูกจับระหว่างการจลาจลของพวกหัวรุนแรง ที่ต่อต้านคนอเมริกันและการแข่งขันกันของลัทธินิกายย่อยๆ หัวรุนแรงที่เริ่มก่อการหลังจากซัดดัมล้มไป

ทั้งที่เกิดการสูญเสียเช่นนี้ คืนครบรอบ 5 ปีการทำสงครามกับอิรัก ประธานาธิบดีบุชยังยืนยันการตัดสินใจของเขาที่ให้บุกอิรัก และสาบานที่จะไม่ถอยทัพกลับ ดังที่เขาสัญญาไว้กับทหารอเมริกันว่าต้องได้รับชัยชนะมาโดยไม่คำนึงถึง “มูลค่าของชีวิตและทรัพย์สิน”

ตามรายงาน icasualties.org 81.3 เปอร์เซ็นต์ ของทหารที่เสียชีวิตจากการโจมตีของนักรบ กลุ่ม อัลกออิดะห์ในอิรัก กลุ่มผู้ประท้วงชาวสุหนี่ที่ภักดีกับซัดดัม และทหารกองหนุนหัวรุนแรงชาวชีอะห์ ส่วนที่เหลือนั้นตายในกรณีที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ

ยิ่งไปกว่านั้น ระเบิดข้างทางยังส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากที่สุด และอาวุธปืนขนาดเล็กเป็นเครื่องมือสังหารรองลงมาเป็นอันดับสอง

จากการอ้างอิงจากเว็บไซต์ดังกล่าว ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ถูกสังหารถูกโจมตีโดยการระเบิดบนถนน ทำให้อาวุธเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต ขณะที่ ทหารอีกหลายคนยังเสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์ การยิงปะทะกัน เฮลิคอปเตอร์ตก การซุ่มโจมตี การโจมตีด้วยจรวด และการระเบิดฆ่าตัวตาย

ทหารอเมริกันให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในอิรักว่า รู้สึกเศร้าต่อการสูญเสียแต่ยืนยันว่าเป็นเหตุอันสมควรในสงคราม

นายทหารอากาศอาวุโส เพรสตัน รีฟส์ วัย 26 ปี จากเบอร์มิงแฮม มลรัฐแอละแบมามา กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ตัวเลขสูงขนาดนั้น ทำให้คุณสงสัยว่ามีทางอื่นใดทั้งที่ไม่มีใครอยากได้ยินตัวเลขแบบนั้นหรอก”

“ทุกคนที่อยู่ที่นั้นอาสาเข้ามาและเป็นเรื่องอัปยศที่การตายเช่นนั้นเกิดขึ้น แต่โศกนาฏกรรมมักเกิดขึ้นเสมอในสงคราม”

รีฟส์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าหดหู่ที่การสนับสนุนให้ทหารกลับบ้านกำลังลดลง “มันน่าละอายที่คุณไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศของตัวเอง เมื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการคือออกจากอิรักและคนเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องตายอย่างไร้ประโยชน์”

ยิ่งไปกว่านั้น ยอดเสียชีวิตของทหารสหรัฐฯ ยังเป็นประเด็นสำคัญของการเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2008 ของผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต นาง ฮิลลารี คลินตันและนายบารัค โอบามา ซึ่งเรียกร้องการถอนกองกำลังทหาร

จ่าสิบตรี โจนาธาน คริสส์ อายุ 37 ปี จากมลรัฐแมริแลนด์ สะท้อนมุมมองของรีฟส์ว่า “ในสงครามใดๆคุณอาจจะสูญเสียชีวิต เป็นเหตุสมควรที่อยู่ที่นี้ ถ้าคุณเปรียบสงครามนี้กับสงครามอื่นๆ ถ้าจำนวนนั้นสำคัญนัก สงครามนี้ยังมีการตายน้อยกว่า”

“เพียงเพราะความขัดแย้งเริ่มขึ้นเราไม่สามารถเดินออกไปและปล่อยชนชาวอิรักได้ ถ้าคุณสัมภาษณ์ผู้บาดเจ็บ 30,000 คน พวกเขาไม่มีความปรารถนาที่ไม่ดี พวกเขาต้องการรับใช้ ไม่ว่าเขาให้ชีวิตและแขนขา มันเป็นการเสียสละสุดท้าย”

ทั้งนี้ สงครามที่กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียทหารมากที่สุด นอกจากสงครามโลกสองครั้งก็คือ สงครามเวียดนาม โดยทหารจำนวน 58,000 ถูกสังหารระหว่างปี 1964 และ 1973 เฉลี่ย 26 ศพต่อ 1 วัน ขณะที่ในอิรักเฉลี่ยทุกวันมี ทหารเสียชีวิต 2 ศพ

เว็บไซต์ icasaulties.org เปิดเผยสถิติว่า ปีที่ทหารเสียชีวิตมากสุดคือ ปี 2007 โดยเสียกำลังพลถึง 901 ศพ ในการสนับสนุนปฏิบัติการ “ฉับพลัน” ที่เป็นข้อโต้เถียงให้เพิ่มทหารพิเศษ 30,000 นายมาใช้ในการยับยั้งความรุนแรงที่ปลิดชีพชาวอิรักหลายหมื่นคน

ตัวเลขดังกล่าวเปรียบเทียบสถิติการเสียชีวิตในปี 2003 ซึ่งเป็นปีแรกที่เกิดความขัดแย้ง มี เพียง 486 ศพ ขณะที่ปี 2004 มีจำนวน 849 ศพ ปี 2005 มี 846 ศพ และ ปี 2006 มี 822 ศพค่อยๆลดลง ทว่าเริ่มปี 2008 มา ทหารก็ตายไป 96 ศพแล้ว

ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯในอิรัก ยอมรับว่า การเพิ่มกองกำลังพิเศษภาคพื้นดินทำให้พวกเขาถูกโจมตีมากขึ้น

ในหลายเดือนมานี้ กองทัพเริ่มถอนกองกำลังทหารเนื่องจากระดับความรุนแรงทั่วประเทศลดลง ตามการรายงานของ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและอิรักที่ว่าการโจมตีน้อยลง 60 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน การโจมตีส่วนใหญ่ใน 5 ปีที่ผ่านมาเปิดฉากขึ้น 4 จาก 18 จังหวัดในอิรัก

ตามการอ้างอิงจากเว็บไซต์ icasualties.org จังหวัดอันบาร์ ซึ่งมีชาวสุหนี่อาศัย อยู่ทางตะวันตกของอิรัก มียอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดถึง 1,282 ศพ นับแต่การรุกรานที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำ ตามมาด้วยที่กรุงแบกแดดเสียชีวิต 1,255 ศพ กรุงซาลาฮีดีน 376 ศพ และ เมืองดียาลา 238 ศพ

ในจังหวัดอันบาร์และซาลาฮีดดินกองทัพเผชิญหน้ากับกลุ่มหัวรุนแรงต่อต้านอเมริกา ขณะที่เมืองแบกแดดและดียาลาต้องเผชิญการสู้รบถึงสามทาง ทั้งกลุ่มอัลกออิดะห์ กลุ่มสุหนี่ที่ภักดีต่อซัดดัม และทหารกองหนุนชาวชีอะห์

อย่างไรก็ตาม การโจมตีต่อต้านกองกำลังสหรัฐฯ ในจังหวัดอันบาร์ในปีที่ผ่านมาลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากกลุ่มอาหรับสุหนี่ท้องถิ่นเข้าร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ต่อสู้กับกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรัก

ทั้งนี้จากเว็บไซต์ดังกล่าว ระบุว่า เดือนพฤศจิกายน ปี 2004 เป็นเดือนที่มีการนองเลือดมากที่สุดของกองทัพสหรัฐฯในอิรัก โดยกองทัพสูญเสียกองกำลัง 137 นายขณะทำการจู่โจมอย่างหนักเพื่อยึดเมืองฟาลลูจาห์ในจังหวัดอันบาร์คืน และป้อมปราการของกลุ่มหัวรุนแรงชาวสุหนี่ ซึ่งมลรัฐแคลิฟอร์เนียได้รับแรงกดดันมากที่สุดจากกการสูญเสียชาวอเมริกัน อย่างน้อยที่สุด ทหาร426 นาย เสียชีวิตจากความขัดแย้งนี้

นอกไปจากนี้ กองทัพสหรัฐฯ ยังคงค้นหาทหาร4 นายที่หายไปในอิรัก ทหารสองนายถูกจับกุมในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วหลังพวกกลุ่มติดอาวุธซุ่มโจมตีระหว่างการลาดตระเวนทางใต้ของกรุงแบกแดด ซึ่งคร่าชีวิตทหารอีก 4 นาย และล่าม

ทั้งนี้ กลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักต่อมาส่งข้อความผ่านอินเตอร์เนตว่าเป็นผู้ลักพาตัว และสังหารทหารเหล่านั้น กระนั้นกองทัพยังคงทำการค้นหาพวกเขาต่อไป

นอกเหนือการตายอันเนื่องจากในสงครามแล้ว ทหารจำนวน 145 นายเสียชีวิตเพราะ “ได้รับบาดเจ็บจากการทรมานตนเอง” เว็บไซต์ชี้ไปถึงตัวเลขการฆ่าตัวตายจำนวนมาก

ยิ่งไปกว่านั้น การสูญเสียทั้งหมดยังรวมถึงทหารหญิงจำนวน 102 นางด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น