เอเอฟพี - ทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันพุธ (12) ว่า "ไม่มีใคร" ในรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จะยังรักษาทุกทางเลือกไว้อยู่
"ไม่มีใครในรัฐบาลที่เสนอสิ่งใดนอกเหนือจากวิธีทางการทูตกับอิหร่าน" ดานา เปริโน โฆษกทำเนียบขาวกล่าว หลังจากผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารเขตกลางของสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
เปริโน กล่าวว่า "มันช่างไร้สาระ" ที่จะบอกว่าพลเรือเอกวิลเลียม ฟอลลอน ถูกกดดันให้ลาออก เพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีแข็งกร้าวของบุชซึ่งจะบีบบังคับให้อิหร่านยุติโครงการต้องสงสัยว่าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
"ท่านประธานาธิบดียินดีที่จะให้มีการอภิปรายอย่างจริงจังและเป็นประโยชน์" เปริโนเผย พร้อมบอกด้วยว่า มี "ความเห็นต่างในหลายๆเรื่องสามารถแก้ไขได้โดยใช้กระบวนการนโยบายของเรา นั่นเป็นสิ่งที่ปกติแล้วสื่อไม่ได้นำเสนอ"
"สิ่งที่ท่านประธานาธิบดีกล่าวก็คือว่า การที่ทางเลือกทุกทางยังวางอยู่บนโต๊ะ เป็นสิ่งที่ทำให้การทูตได้ผล และทำให้การทูตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" เธอชี้แจง
ฟอลลอน กล่าวในคำแถลงเมื่อวันอังคาร (11) ว่า เขาจะลงจากตำแหน่งเพราะข่าว (โดยเฉพาะในนิตยสารเอสไควร์) เรื่องเขาเห็นต่างกับบุชเรื่องอิหร่านได้กลายเป็น "สิ่งทำลายสมาธิ" ในการทำงานของเขา
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โรเบิร์ต เกตส์ เผยว่า เขารับใบลาออกของฟอลลอน "ด้วยความฝืนใจและเสียใจ" และบอกด้วยว่า มีการ "เข้าใจกันผิดๆ" ว่าฟอลลอนขัดแย้งกับรัฐบาลเรื่องอิหร่าน
แต่การลาออกฟ้าผ่าเช่นนี้ ทำให้ฝ่ายเดโมแครตออกมาโจมตีอย่างหนัก โดยกล่าวหาว่า ฟอลลอนถูกบีบให้ลาออกเพราะความตรงไปตรงมาของเขา
เมื่อสอบถามเกตส์เกี่ยวกับข้อยืนยันของเอสไควร์ที่ระบุว่า การลาออกของฟอลลอน เป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯกำลังเตรียมทำสงครามกับอิหร่าน เขาตอบว่า "นั่นมันช่างน่าขันสิ้นดี"
ทั้งนี้ นิตยสารเอสไควร์เขียนชื่นชมประวัติของการทำงานของฟอลลอนบอกว่า เขาเป็น "บุรุษผู้อยู่ระหว่างสงครามและสันติภาพ" และยกความดีให้เขาในเรื่องผ่อนคลายความตึงเครียดกับอิหร่านเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงยังขัดขวางไม่ให้สหรัฐฯทำสงครามกับอิหร่านด้วย
