บีบีซีนิวส์/ อัลญะซีเราะห์ – สถานการณ์ด้านมนุษยธรรม ณ ดินแดนกาซาขณะนี้ ถือว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ถูกอิสราเอลยึดครองในปี 1967 กลุ่มพันธมิตรด้านสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาของอังกฤษระบุ
องค์การต่างๆ ที่ร่วมกันประเมินสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในดินแดนกาซ่าครั้งนี้ ประกอบด้วยองค์การนิรโทษกรรมสากล, เซฟ เดอะ ชิลเดรน, คาฟอด, แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และคริสเตียน เอด
กลุ่มพันธมิตรดังกล่าววิพากษ์วิจารณ์การปิดล้อมโจมตีดินแดนกาซาของฝ่ายอิสราเอล ว่า เป็นการลงโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะที่ รัฐยิวอ้างว่า ปฎิบัติการทางทหารรวมทั้งมาตรการอื่นๆ ของตัวเองล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ชอบธรรม และจำเป็นต้องทำเพื่อยับยั้งการยิงจรวดโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม
รายงานที่ชื่อ “ดินแดนกาซา : การระเบิดด้านมนุษยธรรม” ของพันธมิตรกลุ่มนี้ชี้ว่า การปิดล้อมโจมตีของอิสราเอลส่งผลเลวร้ายต่อระดับความยากจนและการว่างงานอย่างรุนแรง ทั้งยังนำไปสู่ความเสื่อมโทรมด้านการศึกษาและสาธารณสุข
ขณะเดียวกัน ทางด้านความเคลื่อนไหนทางการทูต คอนโดลิซซา ไรซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ประกาศว่า ผู้นำปาเลสไตน์และอิสราเอลจะหันกลับมาเจรจาสันติภาพซึ่งถูกระงับไว้ หลังจากรัฐยิวบุกโจมตีถล่มดินแดนกาซา
อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ได้กล่าวเมื่อวานนี้ (5) ว่า จะไม่เข้าร่วมการประชุมหารือ จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ความสงบ
อับบาส ประกาศยุติการติดต่อเจรจาต่างๆ ที่ทำกับรัฐยิวเพื่อเป็นการประท้วงอิสราเอลที่บุกถล่มกาซ่าอย่างต่อเนื่องนานกว่า 1 สัปดาห์ จนทำให้มีชาวเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 120 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 23 คน
ทารกเพศหญิงวัยเพียง 1 เดือน และนักรบอิสลามอีกคนหนึ่งถูกสังหารเสียชีวิต ระหว่างเหตุปะทะเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์กล่าว
อับบาส ได้เรียกร้องให้มีการหยุดยิงกันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามอส ที่เข้ายึดครองดินแดนกาซา หลังจากโจมตีขับไล่กองกำลังความมั่นคงของอับบาสเอง