ชี้หุ่นยนต์ “นักฆ่า” จะเป็นภัยคุกคามในอนาคต

เอเจนซี/ผู้จัดการออนไลน์ - หุ่นยนต์นักฆ่าอาจกลายเป็นอาวุธทางเลือกของกลุ่มนักรบหัวรุนแรง ผู้เชี่ยวชาญของอังกฤษกล่าวในวันนี้ (27)

โนเอล ชาร์กีย์ ศาสตราจารย์ผู้เชี่วชาญด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ของมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ เชื่อว่า ด้วยราคาที่ลดต่ำลงอาจทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้หุ่นยนต์นักฆ่าจะกลายเป็นทางเลือกหนึ่งของกลุ่มก่อการร้าย

หลายประเทศและหลายบริษัท กำลังพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์นักฆ่าที่มาพร้อมอาวุธครบมือทั้งปืนและระเบิดสำหรับต่อสู้กับข้าศึก โดยมีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเป็นผู้บุกเบิก และในขณะที่มีหุ่นยนต์มากกว่า 4,000 ตัว ถูกส่งไปประจำการในอิรัก

“ปัญหาคือเราไม่สามารถจับปีศาจกลับเข้าไปในขวดได้ เมื่อมีอาวุธใหม่ออกมา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะลอกเลียนแบบ” ชาร์กีย์ บอก “นานแค่ไหนก่อนที่พวกก่อการร้ายจะทำสำเร็จนะเหรอ? ด้วยราคาของหุ่นยนต์ที่ตกลงอย่างรวดเร็ว และส่วนประกอบสำเร็จรูปตามตลาดสมัครเล่น มันไม่จำเป็นต้องมีทักษะมากนักในการประดิษฐ์อาวุธหุ่นยนต์ของตนเอง”

ชาร์กีย์ เปิดเผยต่อว่า หุ่นยนต์ผึ้งขนาดเล็กที่ใช้ระบบนำร่องด้วย GPS ควบคุมการบินอัตโนมัติ อาจใช้ต้นทุนการผลิตเพียง 490 ดอลลาร์เท่านั้น (ประมาณ 15,000 บาท)

เมื่อช่วงต้นปี 2007 กองทัพอิสราเอลเปิดตัวหุ่นยนต์นักฆ่ารุ่นล่าสุด VIPeR สามารถทำงานโดยไม่ต้องผ่านการบังคับจากมนุษย์ ผลงานในโครง การพัฒนาอาวุธเพื่อลดความเสี่ยงในการทำสงครามของอิสราเอลในปาเลสไตน์ ซึ่งผลิตโดยบริษัท เอล บิทซิสเต็มส์

หุ่นยนต์ดังกล่าวออกแบบให้เคลื่อนที่โดยตีนตะขาบเพื่อไปได้ทุกสภาพผิว สามารถขึ้นบันได เคลื่อนที่บนวัสดุประเภทยาง เข้าซอยมืด ถ้ำ หรืออุโมงค์แคบ ติดตั้งกล้องวิดีโอในตัว สามารถตรวจหาวัตถุระเบิดและกู้ระเบิดรวมทั้งวางระเบิดได้อย่างแม่นยำ และติดตั้งปืน ชนิด Uzi สำหรับพร้อมใช้งานได้ทันที

ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้และบริษัท ซัมซุง เทควิน เปิดตัวหุ่นยนต์นักฆ่า “เอสจีอาร์-เอ 1” ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ติดอาวุธหนักระบบกล้องอินฟราเรด และเซ็นเซอร์ติดตามค้นหาศัตรูผู้บุกรุกโดยอัตโนมัติในรัศมี 4 กิโลเมตร

ใครก็ตามที่พบ “เอสจีอาร์-เอ 1” พูดแล้วระบบวิเคราะห์เสียงพบว่าไม่ใช่เสียงพวกเดียวกันหรือพูดรหัสลับไม่ถูกต้องจะถูกยิงด้วยกระสุนยาง แก๊สน้ำตา หรือร้ายแรงที่สุดก็คือกระสุนจริงโดยไม่มีการปรานี