เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เริ่มต้นการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (24) ให้คำมั่นพร้อมเดินหน้ากวาดเสียงข้างมากในสภา ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างชาวมาเลย์และชนกลุ่มน้อย รวมถึงความไม่พอใจเกี่ยวกับปัญหาราคาสินค้าและน้ำมันที่แพงขึ้น
นายกรัฐมนตรี อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ของมาเลเซีย กล่าวภายหลังเดินทางไปลงสมัครรับเลือกตั้งที่รัฐปีนัง ว่า เขาต้องการให้การเลือกตั้งในวันที่ 8 มีนาคมนี้ เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมตามระบอบประชาธิปไตย พร้อมประกาศว่าจะเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง เพื่อให้พรรคสมาชิกแนวร่วมแห่งชาติ (บีเอ็น) ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 2 ใน 3 ของที่นั่งทั้งหมด
อับดุลเลาะห์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลไม่สามารถที่จะจ่ายเงินอุดหนุนกองทุนน้ำมันเป็นเงิน 40,000 ล้านริงกิต (404,240 ล้านบาท) ต่อปีได้อีกต่อไป แต่ให้คำมั่นว่าจะพยายามพยุงค่าครองชีพของชาวมาเลเซียให้ต่ำลงมากที่สุด
“ราคาน้ำมันยังคงเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนัก” นายกฯ มาเลเซีย กล่าว
อับดุลเลาะห์ยังได้กล่าวถึงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่สืบทอดอำนาจมาจากรัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ว่า เขาไม่ได้สัญญาว่าจะเก็บเก้าอี้ให้กับใครหลังการเลือกตั้งในวันที่ 8 มีนาคม
“ผมไม่ได้ให้สัญญากับใครทั้งสิ้น ผมมีอิสระหลังการเลือกตั้ง” นายกฯ มาเลเซียกล่าวกับหนังสือพิมพ์นิว สเตรตส์ ไทมส์
พรรคสมาชิกแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งบริหารประเทศมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ได้ที่นั่งในสภา 6 ที่นั่ง จากทั้งสิ้น 222 ที่นั่ง หลังไม่มีฝ่ายค้านลงแข่งขันในวันนี้ (24) ซึ่งเป็นวันสมัครรับเลือกตั้ง ขณะที่นายกฯ อับดุลเลาะห์ แสดงความไม่สนใจข้อตกลง “การแต่งงานเพื่อความเหมาะสม” ระหว่างพรรคฝ่ายค้าน 3 พรรค ซึ่งตกลงว่า แต่ละพรรคจะส่งผู้สมัครลงสู้ศึกเลือกตั้งเขตละ 1 คน เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันเองเหมือนในอดีต
ด้าน พรรคเกอร์อาดีลัน พรรคฝ่ายค้านของ อันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวหาพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ใช้วิธีที่สกปรกในการเลือกตั้ง โดยระบุว่า ผู้สมัครบางคนของพรรคถูกลบชื่อออกไปในวันสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้ผู้สมัครของพรรคร่วมรัฐบาลได้ชัยชนะไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลมาเลเซีย ครองที่นั่งในสภาคิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ของที่นั่งทั้งหมด ขณะที่พรรคฝ่ายค้านตั้งเป้าที่จะแย่งชิงเก้าอี้ในสภาให้ได้มากขึ้น เพื่อตัดโอกาสของพรรคร่วมรัฐบาลในการครองเสียงข้างมาก 2 ใน 3 เป็นครั้งแรก โดยหวังว่า ชาวมาเลเซียจะลงโทษรัฐบาลด้วยการหันมาลงคะแนนให้กับพรรคฝ่ายค้าน หลังรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาสินค้าและน้ำมันแพง รวมถึงปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวมาเลย์และชนกลุ่มน้อยเชื้อสายจีนและอินเดียในช่วงที่ผ่านมา