เอเอฟพี – นักธุรกิจหญิงคนหนึ่งถูกตำรวจศาสนาซาอุดีอาระเบียจับกุมตัว และถึงขั้นถอดเสื้อผ้าเพื่อค้นร่างกาย ฐานนั่งในร้านกาแฟสตาร์บัคส์กับชายที่ไม่ใช่ญาติ
หนังสือพิมพ์อาหรับ นิวส์ รายงานว่า ที่ปรึกษาทางธุรกิจ วัย 40 ปี ซึ่งทราบชื่อเพียงยารา ได้ถูกสมาชิกคณะกรรมการส่งเสริมคุณงามความดีและป้องกันความชั่วร้ายของซาอุดิอาระเบียจับกุมตัวเมื่อวันจันทร์ (4) โดยนักธุรกิจหญิงได้กล่าวว่า เธอกำลังนั่งประชุมอยู่กับชายคนหนึ่งในพื้นที่ที่จัดไว้ให้สำหรับสมาชิกในครอบครัว ภายในสาขาของร้านสตาร์บัคส์ในกรุงริยาด ทันใดนั้นเองก็ได้ถูกตำรวจนำตัวไปที่เรือนจำแห่งหนึ่ง และถอดเสื้อผ้าเพื่อค้นตัว รวมถึงบังคับให้เธอเซ็นรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในข้อหาอยู่กับชายแปลกหน้าตามลำพัง ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฎหมายในส่วนที่ว่าด้วยศีลธรรมของซาอุดีอาระเบีย
“ฉันไม่มีทางเลือกจึงต้องเซ็นรับสารภาพ ฉันกลัวว่าชีวิตจะตกอยู่ในอันตราย ฉันกลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายร่างกายฉันหรือทำอะไรบางอย่างกับฉัน” ยารา ซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสามกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยารา ได้รับการปล่อยตัวในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หลังจากฮาทิม สามีของเธอได้มารับตัวที่เรือนจำ
หนังสือพิมพ์อาหรับ นิวส์ รายงานด้วยว่า ส่วนชายคนที่อยู่กับยาราในร้านกาแฟ ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ทางการเงินชาวซีเรีย ได้ถูกตำรวจศาสนาจับกุมตัวด้วยเช่นกัน และขณะนี้ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เผยแพร่รายงานโจมตีซาอุดีอาระเบียต่อการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงเมื่อวันศุกร์ (1) ขณะที่ ยาคิน เออร์เติร์ก ผู้แทนพิเศษเกี่ยวกับการต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงของยูเอ็นได้เดินทางมายังซาอุดิอาระเบีย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ และยุติความรุนแรงต่อสตรี
ทั้งนี้ ผู้หญิงในซาอุดีอาระเบียจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอิสลามอย่างเคร่งครัด โดยกฎหมายห้ามผู้หญิงขับรถ และต้องสวมชุดคลุมปกปิดร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าในที่สาธารณะ รวมถึงห้ามอยู่กับชายที่ไม่ใช่ญาติ และห้ามเดินทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ดูแลที่เป็นผู้ชาย
ขณะที่ตำรวจศาสนาของซาอุดีอาระเบียกว่า 5,000 คน ได้ถูกทางการสอบสวนในช่วงไม่นานที่ผ่านมา หลังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากการที่ตำรวจศาสนาได้บุกค้นบ้าน และนำตัวผู้ต้องสงสัยมาคุมขัง หลังจากกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิอาระเบียได้ออกกฎหมายเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2006 โดยห้ามตำรวจศาสนาเป็นผู้สอบปากคำผู้ต้องสงสัย แต่ให้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยไปให้กับตำรวจทั่วไปแทน