เอเอฟพี – เหตุปะทะหลายครั้งในเคนยา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 ราย ขณะที่ความรุนแรงทางชาติพันธุ์ยังคงยึดเกาะดินแดนนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การเลือกตั้งที่สร้างรอยร้าวภายในประเทศในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่งสัญญาณว่า ความรุนแรงไม่มีท่าทีว่าจะลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด แม้ว่า โคฟี อันนัน อดีตเลขาฯยูเอ็น กำลังพยายามสร้างแผนสันติภาพในประเทศก็ตาม
“มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 13 ราย เมื่อช่วงตลอดคืนวันเสาร์ (2) ที่ผ่านมา” บริเวณพรมแดนระหว่างชนเผ่าคิสิอิ กับคาเลนจิน และทางตะวันตกของประเทศ ตำรวจระดับบังคับบัญชาผู้หนึ่งกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานก่อนหน้านี้ ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 61 ราย ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ประธานาธิบดี เอ็มวาอิ คิบาคี และ ไรลา โอดิงกา ผู้นำฝ่ายค้าน ก็ยังคงสาดโคลนใส่กันอย่างดุเดือด แม้จะมีข้อตกลงสันติภาพฉบับชั่วคราวนับตั้งแต่เหตุจลาจลนองเลือดเริ่มขึ้นก็ตาม
ข้อตกลงสันติภาพที่ร่างขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1) ภายใต้การควบคุมของ โคฟี อันนัน อดีตเลขาฯ องค์การสหประชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อยุติสถานการณ์รุนแรงที่ยืดเยื้อมานานหลายสัปดาห์จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,000 คน ภายใน 2 อาทิตย์ข้างหน้า
โอดิงกา อ้างว่า คิบาคี ปล้นตำแหน่งประธานาธิบดีไปจากเขา ในการเลือกตั้งเมื่อ 27 ธันวาคมปีที่แล้ว ท่ามกลางข้อครหาอย่างกว้างขวางจากนักสังเกตการณ์ท้องถิ่นและระดับสากลในขั้นตอนการนับคะแนน
ทั้งนี้ ข้อตกลงสันติภาพฉบับใหม่ของอันนัน จะเรียกร้องให้มีการยกเลิกหน่วยกองกำลังผิดกฎหมาย และเร่งให้มีการสอบสวนคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครั้งนี้ทั้งหมด รวมทั้ง คดีที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่าสังหารประชาชนจำนวนมากด้วย
เหตุจลาจลนองเลือดภายหลังการเลือกตั้งดังกล่าว นอกจากจะคร่าชีวิตประชาชน และมีผู้ลี้ภัยหลายแสนรายแล้ว ยังทำลายชื่อเสียงด้านความปลอดภัยของเคนยา พร้อมกันนี้ ยังสร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกชา หรือการท่องเที่ยวอีกด้วย