xs
xsm
sm
md
lg

เวิลด์แบงก์-ยูเอ็นคาดปีนี้ ศก.โลกโตช้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี - ธนาคารโลกเผยแพร่รายงานคาดเศรษฐกิจโลกปีนี้โตช้าเพียง 3.3% แต่เศรษฐกิจของชาติกำลังพัฒนายังคงเติบโตต่อไปได้ดี ทว่า ยูเอ็นกลับมองต่างออกไปโดยคาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯอับสืบเนื่องจากวิกฤติสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ประเภท "ซับไพรม์" จะฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ และชาติยากจนหลายประเทศจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์)จัดทำรายงาน"Global Economic Prospects 2008" ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร(8) ระบุว่า ถึงแม้จะเกิดภาวะความปั่นป่วนทางการเงินอันสืบเนื่องมาจากตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯทรุดหนัก เศรษฐกิจโลกก็ยังคงเติบโต แต่มีอัตราการเติบโตลดลง จาก 3.9% ในปี2006 มาอยู่ที่ 3.6% ในปีที่แล้ว และคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียง 3.3% ในปีนี้

เวิลด์แบงก์กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปี2007 เกือบทั้งหมดเป็นผลมาจากการที่ชาติรายได้สูงมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง ขณะที่ชาติกำลังพัฒนายังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งที่ 7.4% ซึ่งเป็นอัตราคงที่มาตั้งแต่ปี2006

รายงานฉบับนี้ยังคาดการณ์ว่า หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเติบโต 3.3% ในปีนี้ จีดีพีโลกน่าจะเติบโตขึ้น 3.6% ในปี2009 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัว

คณะผู้จัดทำรายงานฉบับนี้เน้นย้ำให้เห็นว่าในปีนี้มีช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น และแม้จะวาดภาพในลักษณะที่ว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะอยู่ในภาวะซอฟต์แลนดิ้ง (ค่อยๆทรุดลงโดยไม่สร้างความเสียหายมากนัก) แต่ก็กล่าวด้วยว่า มีความเสี่ยงในแง่ลบอย่างมากอยู่หลายปัจจัย

เวิลด์แบงก์เตือนว่า ชาติกำลังพัฒนาอาจมีความต้องการสินค้าจากภายนอก ลดลงมากกว่าที่เป็นอยู่ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจลดลง หากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯซึ่งยังโซซัดโซเซ และภาวะความปั่นป่วนทางการเงิน ถึงขั้นทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในภาวะถดถอย

ยิ่งไปกว่านั้น เวิลด์แบงก์ยังกล่าวถึงปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น เช่น การที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไปเพื่อรับมือกับบรรยากาศแห่งความไม่แน่นอน และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าอย่างมาก

เวิลด์แบงก์คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 1.8% ในปีนี้ หลังจากนั้นจึงฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.1% ในปีหน้า

ในส่วนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกนั้น เวิลด์แบงก์คาดว่าจีดีพีในภูมิภาคนี้โตขึ้นราว 10% ในปี2007 ขณะที่จีดีพีของจีนโตขึ้นกว่า 11% อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้อาจเติบโตช้าลง มาอยู่ที่ 9.7% ในปีนี้ และ 9.6% ในปีหน้า

ทางด้านสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ก็แถลงรายงานประจำปีที่ชื่อว่า "World Economic Situation and Prospects 2008" เมื่อวานนี้(9) ชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในสหรัฐฯอาจฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆและทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย

ยูเอ็นกล่าวว่าการชะลอตัวในสหรัฐฯจะส่งผลร้ายอย่างรุนแรงต่อชาติยากจนหลายประเทศ เนื่องจากสิ่งนี้จะทำให้การค้าโลกชะลอตัวและทำให้ยุคที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อชาติยากจนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สิ้นสุดลง

"ผลกระทบโดมิโนจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐฯจะส่งผลร้ายต่อการเติบโตของการส่งออกจากจีน ยุโรป และญี่ปุ่น และทำให้ความต้องการในจีน ยุโรป และญี่ปุ่น ต่อสินค้าส่งออกจากชาติกำลังพัฒนาอื่นๆ ลดลงไปด้วย" รายงานของยูเอ็น กล่าว

รายงานฉบับนี้พยากรณ์ว่าในปีนี้ เศรษฐกิจโลกจะเติบโต 3.4% ลดลงจาก 3.7% เมื่อปีที่แล้ว และ 3.9% เมื่อปี2006

ยูเอ็นกล่าวว่าบรรดาธนาคารกลางในชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ได้ดำเนินการเพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการเงิน อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้ไม่ได้แก้ไขต้นตอของปัญหาความไม่สมดุลอย่างใหญ่หลวงระหว่างชาติที่มีภาวะการเงินเกินดุล เช่นจีน ญี่ปุ่น หรือชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ กับชาติที่การเงินขาดดุล เช่นสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ

ยูเอ็นกล่าวว่าการปรับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินตราเสียใหม่เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาความไม่สมดุลในเศรษฐกิจโลก ถึงแม้ว่าแนวทางนี้อาจจะทำให้ผู้คนสูญเสียความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์

รายงานฉบับนี้จึงแนะนำว่า แทนที่จะทำเช่นนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยวิธีกระตุ้นให้ชาติที่มีเงินออมมหาศาลและมีบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล ให้มีความต้องการซื้อสินค้าหรือใช้จ่ายมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น