เอเอฟพี – ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ ออกเดินทางเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร (8) ที่ผ่านมา เพื่อเดินสายเยือนดินแดนตะวันออกกลาง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การผลักดันการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ที่ได้รับการฟื้นฟูเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตลอดจจยืนยันให้พันธมิตรสหรัฐฯ มั่นใจว่า อิหร่าน “เป็นภัยคุกคาม”
รายละเอียดการเดินทางระหว่างวันที่ 9-16 ของบุช ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การเยือนอิสราเอลครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดี ตลอดจนการเหยียบดินแดนเวสต์แบงก์ครั้งแรกในชีวิต นอกจากนั้น บุช จะไปแวะไปยังประเทศคูเวต, บาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์
เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันของประธานาธิบดีบุช เหินฟ้าออกจากฐานทัพอากาศแอนดริวส์ ที่ตั้งอยู่นอกกรุงวอชิงตันเมื่อเวลา 18.42 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) (หรือประมาณ 06.42 น.ของวันนี้ (9) ตามเวลาในประเทศไทย)
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีบุช แถลงว่า เขาต้องการผลักดันการเจรจาสันติภาพตะวันออกกลางที่ได้รับการปัดฝุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี่ที่แล้ว ณ การประชุมในเมืองแอนแนโพลิส มลรัฐแมริแลนด์ของสหรัฐฯ โดยมีสาระสำคัญอยู่ที่การสถาปนารัฐปาเลสไตน์ให้เป็นอิสระ ก่อนที่การดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ของเขาจะหมดวาระลงในวันที 20 มกราคมนี้
พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีบุช ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในผลักดันให้องค์การสหประชาชาติใช้มาตรการลงโทษอิหร่านเป็นครั้งที่ 3 ในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ยังกล่าวด้วยว่า เขาต้องการความเป็นเอกภาพในเป้าหมายต่อเตหะราน ภายหลังรายงานจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ว่า อิหร่านยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ไว้ตั้งแต่ปี 2003
กระนั้นก็ตาม บุช ยังคงยืนกรานว่า “อิหร่านคือภัยคุกคาม, อิหร่านคือภัยคุกคาม อิหร่านจะยังคงเป็นภัยคุกคาม หากเตหะรานได้รับอนุญาตให้เรียนรู้วิธีการเพิ่มความเข้มข้นแร่ยูเรเนียม”
“และผมจะยังคงเดินหน้าเพื่อทำให้แน่ใจว่า สหรัฐฯ ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ บนโลกใบนี้ และเราจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานร่วมกันเพื่อนๆ และพันธมิตรของเรา เพื่อทำให้บางส่วนของโลกใบนี้ปลอดภัยยิ่งขึ้น”