เอเอฟพี – หมู่เกาะกาลาปากอสในมหาสมุทรแปซิฟิกถูกยูเนสโกประกาศเป็นมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากกำลังได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวอย่างหนัก
คณะกรรมการมรดกโลกขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศขึ้นบัญชีหมู่เกาะกาลาปากอสเป็นมรดกโลกที่กำลังถูกคุกคาม ระหว่างการประชุมในเมืองไครส์เชิร์ชของนิวซีแลนด์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อพิจารณาประกาศมรดกโลกแห่งใหม่ รวมถึงมรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
ในแถลงการณ์ซึ่งออกโดยสำนักงานใหญ่ของยูเนสโกในกรุงปารีส ระบุว่า หมู่เกาะกาลาปากอสกำลังถูกคุกคามจากการรุกรานของมนุษย์ การท่องเที่ยวที่ขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนการอพยพย้ายถิ่น
“ผู้โดยสารที่เดินทางมากับเรือสำราญใช้เวลาอยู่บนเกาะเพิ่มขึ้นถึง 150 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นจำนวนมาก นอกจากนี้การสัญจรไปมาระหว่างเกาะต่างๆ ซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นตามมายังทำให้เกิดการรุกรานที่แผ่ขยายมากขึ้นเช่นกัน” แถลงการณ์ของยูเนสโกระบุ
หมู่เกาะกาลาปากอสตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งเอกวาดอร์ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะทั้งสิ้น 19 เกาะ และยังเป็นสถานที่ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกเมื่อปี 1978
ทั้งนี้หมู่เกาะกาลาปากอสได้ชื่อว่าเป็นบ้านของสัตว์นานาชนิดซึ่งไม่เคยมีการพบที่ใดในโลก รวมถึงเต่ายักษ์กาลาปากอส และอีกัวน่าบก ซึ่งเรื่องราวความหลากหลายทางธรรมชาติดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจให้กับชาร์ลส์ ดาร์วิน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีวิวัฒนาการในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ในการประชุมดังกล่าวคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกยังได้ประกาศให้อุทยานแห่งชาตินิโอโคโล-โคบาในเซเนกัลเป็นมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน สืบเนื่องจากภัยคุกคามที่เกิดจากการรุกล้ำผืนป่าธรรมชาติ และโครงการสร้างเขื่อนในแม่น้ำแกมเบีย
คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกกำลังพิจารณาใบสมัคร 45 ใบจาก 39 ประเทศที่ได้ยื่นคำร้องมายังยูเนสโก ขณะที่ปัจจุบันมีสถานที่ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทั้งสิ้น 830 แห่ง