22/03/2007
เกวตต้า, ปากีสถาน – เมื่อวันอังคารนี้ ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ แห่งปากีสถาน ได้เดินทางไปทำพิธีเปิดท่าเรือกวาดาร์ ในจังหวัดบาลูชีสถานอย่างเป็นทางการแล้ว ท่าเรือแห่งนี้นับเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 3 ของปากีสถาน
ท่าเรือกวาดาร์ตั้งอยู่ในทะเลอาหรับ หากสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ จะมีมูลค่าราว Rs16 พันล้านรูปี (ราว US$264 ล้านเหรียญ) จนถึงปัจจุบัน จีนจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น $248 ล้านเหรียญ หรือราว 80% ของมูลค่าดังกล่าว
การบริหาร-จัดการท่าเรือจะจ้าง ‘การท่าเรือสิงคโปร์’ (Port of Singapore Authority -PSA) เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีการลงนามในสัญญาระหว่าง ‘การท่าเรือกวาดาร์’ (Gwadar Port Authority -GPA) กับ ‘บริษัทถือหุ้นสัมปทานจำกัด’ (Concession Holding Co -CHC) อันเป็นบริษัทในเครือของ PSA โดย CHC สัญญาจะลงทุนพัฒนาท่าเรือนี้เป็นเวลา 5 ปี เป็นเงิน $550 ล้านเหรียญ
สัญญาฉบับนี้ (ที่ระบุพันธะกรณีและสิทธิประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่ายเอาไว้เสร็จสรรพ) กินเวลาทั้งสิ้น 40 ปี ซึ่ง GPA จะแบ่งรายได้จาก PSA คาดว่าท่าเรือกวาดาร์จะมีรายได้ตกในราว $23.6 พันล้านเหรียญ ถึง $42.2 พันล้านเหรียญ
ท่าเรือกวาดาร์ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน อยู่ถัดจากช่องแคบฮอร์มุช ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับอ่าวโอมาน ไม่ไกลนัก ทำให้ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่บนจุดบรรจบกันของ 3 ภูมิภาคที่มีความสำคัญต่อโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ คือตะวันออกกลางที่อุดมไปด้วยน้ำมัน ทวีปเอเชียใต้ที่มีผู้คนหนาแน่น และเอเชียกลางที่อุดมด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้น ท่าเรือแห่งนี้จะเป็นจุดขนถ่ายสินค้าและเศรษฐกรรมของปากีสถานและอัฟกานิสถาน รวมทั้งเอเชียกลาง และประเทศในตะวันออกกลางด้วย
เป็นที่คาดว่าท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมการค้ากับประเทศต่าง ๆ ในอ่าวเปอร์เซียเท่านั้น หากยังจะเป็นจุดพักตู้คอนเทนเนอร์ในเส้นทางเดินเรือชนิดนี้ เปิดประตูการพัฒนาให้ไหลบ่าเข้าไปสู่พื้นที่ตอนในที่เคยถูกปิดกั้น และผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการค้าและพาณิชกรรมต่าง ๆ ในย่านนี้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการคาดหมายด้วยว่า ท่าเรือกวาดาร์ที่ตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนอิหร่านมาทางตะวันออกราว 70 กิโลเมตร และตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางเดินเรือในอ่าวเปอร์เซีย จะเป็นตัวควบคุมการเดินเรือในอ่าว และท่าเรือต่าง ๆ บนคาบสมุทรอาหรับด้วย
นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่า ท่าเรือกวาดาร์เป็นหัวหาดของจีนในการต่อท่อไปยังตะวันออกกลางที่อุดมไปด้วยน้ำมัน รวมทั้งจะก่อให้เกิดการสร้างถนนหนทางและทางรถไฟเชื่อมไปถึงจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางโรงงานของโลกในเวลานี้ ปักกิ่งปรารถนาจะใช้กวาดาร์เป็นท่าเรือด้านตะวันตกของตน เพราะระยะทางจากเมืองคาชการ์ (หรือกาสี) ที่อยู่ทางตะวันตกสุดของมณฑลปกครองตนเองของชนชาติอุยเกอร์ในซินเจียง ไปสู่ฝั่งทะเลทางตะวันออกของจีน มีระยะทางถึง 3,000 กิโลเมตร แต่เมื่อเทียบจากคาชการ์ไปกวาดาร์ จะยาวเพียง 1,500 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จีนจึงช่วยปากีสถานสร้างท่าเรือที่กวาดาร์ ให้เป็นท่าเรือน้ำลึกสมบูรณ์แบบในเชิงพาณิชย์ ที่สามารถรองรับขนาดของเรือสินค้าที่จะมาเทียบท่า ได้ถึง 50,000 ตัน หรือมากกว่านั้นขึ้นไป
จีนที่ต้องการพลังงานกำลังเขม้นมองบ่อน้ำมันและก๊าซในเอเชียกลาง และเห็นว่าปากีสถานจะเป็นผู้สนองพลังงานเหล่านี้ให้ได้ ปักกิ่งมีแผนจะต่อท่อน้ำมัน/ก๊าซจากที่ต่าง ๆ ในสาธารณรัฐเอเชียกลาง 5 แห่ง มายังกวาดาร์ รวมทั้งทำให้กวาดาร์เป็นจุดแวะพักเรือบรรทุกน้ำมันดิบของตน ที่มาจากอิหร่านและอาฟริกาอีกด้วย
คาดว่ากวาดาร์จะเป็นกุญแจด้านความมั่นคงทางพลังงานจีน ความที่ที่ตั้งของมันเป็นจุดยุทธศาสตร์ ทำให้กวาดาร์มีฐานะเป็นท่าเรืออิสระในย่าน กล่าวคือเป็นปลายทางของท่อน้ำมัน/ก๊าซ ทั้งจากเอเชียกลาง อิหร่านและกาตาร์ นอกจากนี้ ปากีสถานกับจีนก็มีรายงานว่ากำลังเจรจาเพื่อต่อท่อน้ำมัน/ก๊าซ จากกวาดาร์ไปยังชายแดนจีน โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันจากซาอุดิ อารเบีย
ท่าเรือกวาดาร์ลึก 14.5 เมตร และมีทางน้ำสำหรับที่จะเข้าจอดเทียบท่า ยาว 5 กิโลเมตร ท่าเทียบเรือ 3 ท่า ความยาว 210 เมตร สามารถให้เรือสินค้าขนาด 50,000 ตันเข้าเทียบท่าได้ทั้ง 3 ท่าพร้อมกัน
การขุดลอกร่องน้ำเข้ามายังท่าเรือ ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร เพิ่งแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนก่อนนี้เอง
บริษัท CHC เพิ่งก่อตั้งบริษัทปฏิบัติงานที่เป็นอิสระแยกจากกัน 4 แห่ง คือ PSA Gwadar Ltd, PSA Gwadar Terminals Ltd, Gwadar Marine Services Ltd กับ Gwadar Free Zone Co Ltd
ปักกิ่งต้องการสร้างโรงกลั่นและโรงงานปีโตรเคมี โดยขั้นต้นจะมีกำลังการผลิตราว 10 ล้านตัน และต่อไปจะขยายเป็น 21 ล้านตัน โดยอาศัยบันทึกช่วยจำที่ลงนามโดยปากีสถานกับจีน ได้มีบริษัท Great United Petroleum Holding Co (GUPC) มาเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ และตระเตรียมการสร้างเมืองปีโตรเคมี ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา
บริษัท GUPC เป็นกลุ่มในวงการปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของภาคเอกชนในจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2005 โดยมีกลุ่มบริษัทในวงการปีโตรเคมี รวมกันเกือบ 50 แห่ง ก่อนนี้ อุตสาหกรรมปีโตรเลียมของจีนถูกผูกขาดโดยรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ อาทิเช่น China National Petroleum Corp (CPNC), China Petrochemical Corp (Sinopec) และ China National Offshore Oil Corp อย่างไรก็ดี หลังจากก่อตั้ง GUPC โดยการรวมตัวกันของภาคเอกชน ก็ช่วยทำลายการผูกขาดนี้ลง
โครงการเมืองปีโตรเคมี ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือกวาดาร์นี้ แบ่งออกเป็น 2 ขั้น ขั้นแรกจะสร้างเมืองเสียก่อน และค่อยตั้งโรงกลั่น คลังเก็บ และศูนย์ขนถ่ายผลิตภัณฑ์ปีโตรเคมีในขั้นที่สอง
ปากีสถานกันพื้นที่สำหรับสร้างเมืองในท่าเรือกวาดาร์ไว้ เป็นเนื้อที่ 5,060 เฮกแตร์ เปิดในผู้สนใจเช่าช่วงในระยะยาวในราคาปกติ เพื่อนำไปสร้างโรงกลั่น หรือลงทุนในคลังเก็บและกิจกรรมด้านปีโตรเคมีอื่น ๆ
ใน 3 ปีแรก โรงกลั่นที่จะสร้าง จะสามารถกลั่นน้ำมันได้ปีละ 10.5 ล้านตัน และจะขยายเป็น 21 ล้านตันภายใน 7-10 ปี นี่เป็นขั้นแรก ส่วนขั้นที่สอง ภายในเวลา 15 ปี กำลังกลั่นจะขยายขึ้นไปถึง 63 ล้านตัน
สภาหอการค้าปีโตรเลียมจีนก็สนใจที่จะลงทุน $12.5 พันล้านเหรียญ เพื่อก่อสร้างเมืองปีโตรเคมี และย้ายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานต่าง ๆ ในจีน เข้าไปในเขตพลังงานท่าเรือกวาดาร์ (Gwadar Port Energy Zone -GPEZ)
ในการจัดสร้าง GPEZ ประเทศทั้งสองจะจัดตั้งกลุ่มคอนซอเตี้ยมร่วม มากำหนดนโยบายให้การอนุเคราะห์พิเศษ และแรงจูงใจด้านภาษี และคาดว่า GPEZ ซึ่งจะประกอบด้วยโรงกลั่นน้ำมัน สถานีก๊าซ และโรงงานปีโตรเคมี จะดึงดูดการลงทุนได้ราว ๆ $13 พันล้านเหรียญ
อิสลามบัดกำลังจะผ่านขั้นตอนแรงจูงใจขั้นสุดท้าย เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมบริการด้านปีโตรเลียมของจีน เข้าไปตั้งในเขต GPEZ เช่นใช้ที่ดินตั้งโรงกลั่นฟรี นำเข้าน้ำมันมาเข้าโรงกลั่นโดยยกเว้นอากรโดยไม่จำกัดจำนวน และการยกเว้นภาษีการขายสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ
มีการเสนอสมาคมส่งเสริมความร่วมมือการค้าพลังงานจีน-ปากี (Pak-China Energy and Trade Cooperation Promotion Association) ขึ้นมาผลักดันแผนการเหล่านี้ สมาคมนี้จะขึ้นอยู่กับระบบคณะกรรมการ มีส่วนประกอบมาจากภาคพลังงานและน้ำมัน/ก๊าซ โดยจะตั้งบริษัทร่วมทุนจีน-ปากี (Pak-China Joint Investment Co) ขึ้นมาจัดการด้านการเงินของโครงการเหล่านี้
แหล่งข่าวทางการเผยว่า ประเทศทั้งสองมีแผนจะประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนจีน-ปากี ในระหว่างการเยือนจีนของนายกฯ ชัวกัต อาซีสแห่งปากีสถาน เดือนหน้า
นักวิจารณ์ในปากีสถานพากันคัดค้านการที่จีนเข้าไปลงทุนขนานหนักในท่าเรือกวาดาร์ พวกเขาเชื่อว่ากวาดาร์ควรจะมีภาพพจน์กลาง ๆ และรัฐบาลปากีสถานควรจะประกาศให้กวาดาร์เป็นเมืองท่าเสรี พวกเขายังเชื่อด้วยว่าการไปเน้นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของกวาดาร์มากไป จะทำให้กวาดาร์มีกำไรทางเศรษฐกิจลดลง
เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีมูชาร์ราฟยังประกาศด้วยว่า ท่าเรือแห่งที่ 4 ของประเทศจะสร้างขึ้นที่เมืองซันมีอานี ในบาลูจีสถาน
Syed Fazl-e-Haider, sfazlehaider05@yahoo.com, is a Quetta-based development analyst in Pakistan. He is the author of six books, including The Economic Development of Balochistan, published in May 2004.
เกวตต้า, ปากีสถาน – เมื่อวันอังคารนี้ ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ แห่งปากีสถาน ได้เดินทางไปทำพิธีเปิดท่าเรือกวาดาร์ ในจังหวัดบาลูชีสถานอย่างเป็นทางการแล้ว ท่าเรือแห่งนี้นับเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 3 ของปากีสถาน
ท่าเรือกวาดาร์ตั้งอยู่ในทะเลอาหรับ หากสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ จะมีมูลค่าราว Rs16 พันล้านรูปี (ราว US$264 ล้านเหรียญ) จนถึงปัจจุบัน จีนจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น $248 ล้านเหรียญ หรือราว 80% ของมูลค่าดังกล่าว
การบริหาร-จัดการท่าเรือจะจ้าง ‘การท่าเรือสิงคโปร์’ (Port of Singapore Authority -PSA) เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีการลงนามในสัญญาระหว่าง ‘การท่าเรือกวาดาร์’ (Gwadar Port Authority -GPA) กับ ‘บริษัทถือหุ้นสัมปทานจำกัด’ (Concession Holding Co -CHC) อันเป็นบริษัทในเครือของ PSA โดย CHC สัญญาจะลงทุนพัฒนาท่าเรือนี้เป็นเวลา 5 ปี เป็นเงิน $550 ล้านเหรียญ
สัญญาฉบับนี้ (ที่ระบุพันธะกรณีและสิทธิประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่ายเอาไว้เสร็จสรรพ) กินเวลาทั้งสิ้น 40 ปี ซึ่ง GPA จะแบ่งรายได้จาก PSA คาดว่าท่าเรือกวาดาร์จะมีรายได้ตกในราว $23.6 พันล้านเหรียญ ถึง $42.2 พันล้านเหรียญ
ท่าเรือกวาดาร์ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน อยู่ถัดจากช่องแคบฮอร์มุช ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับอ่าวโอมาน ไม่ไกลนัก ทำให้ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่บนจุดบรรจบกันของ 3 ภูมิภาคที่มีความสำคัญต่อโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ คือตะวันออกกลางที่อุดมไปด้วยน้ำมัน ทวีปเอเชียใต้ที่มีผู้คนหนาแน่น และเอเชียกลางที่อุดมด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้น ท่าเรือแห่งนี้จะเป็นจุดขนถ่ายสินค้าและเศรษฐกรรมของปากีสถานและอัฟกานิสถาน รวมทั้งเอเชียกลาง และประเทศในตะวันออกกลางด้วย
เป็นที่คาดว่าท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมการค้ากับประเทศต่าง ๆ ในอ่าวเปอร์เซียเท่านั้น หากยังจะเป็นจุดพักตู้คอนเทนเนอร์ในเส้นทางเดินเรือชนิดนี้ เปิดประตูการพัฒนาให้ไหลบ่าเข้าไปสู่พื้นที่ตอนในที่เคยถูกปิดกั้น และผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการค้าและพาณิชกรรมต่าง ๆ ในย่านนี้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการคาดหมายด้วยว่า ท่าเรือกวาดาร์ที่ตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนอิหร่านมาทางตะวันออกราว 70 กิโลเมตร และตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางเดินเรือในอ่าวเปอร์เซีย จะเป็นตัวควบคุมการเดินเรือในอ่าว และท่าเรือต่าง ๆ บนคาบสมุทรอาหรับด้วย
นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่า ท่าเรือกวาดาร์เป็นหัวหาดของจีนในการต่อท่อไปยังตะวันออกกลางที่อุดมไปด้วยน้ำมัน รวมทั้งจะก่อให้เกิดการสร้างถนนหนทางและทางรถไฟเชื่อมไปถึงจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางโรงงานของโลกในเวลานี้ ปักกิ่งปรารถนาจะใช้กวาดาร์เป็นท่าเรือด้านตะวันตกของตน เพราะระยะทางจากเมืองคาชการ์ (หรือกาสี) ที่อยู่ทางตะวันตกสุดของมณฑลปกครองตนเองของชนชาติอุยเกอร์ในซินเจียง ไปสู่ฝั่งทะเลทางตะวันออกของจีน มีระยะทางถึง 3,000 กิโลเมตร แต่เมื่อเทียบจากคาชการ์ไปกวาดาร์ จะยาวเพียง 1,500 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จีนจึงช่วยปากีสถานสร้างท่าเรือที่กวาดาร์ ให้เป็นท่าเรือน้ำลึกสมบูรณ์แบบในเชิงพาณิชย์ ที่สามารถรองรับขนาดของเรือสินค้าที่จะมาเทียบท่า ได้ถึง 50,000 ตัน หรือมากกว่านั้นขึ้นไป
จีนที่ต้องการพลังงานกำลังเขม้นมองบ่อน้ำมันและก๊าซในเอเชียกลาง และเห็นว่าปากีสถานจะเป็นผู้สนองพลังงานเหล่านี้ให้ได้ ปักกิ่งมีแผนจะต่อท่อน้ำมัน/ก๊าซจากที่ต่าง ๆ ในสาธารณรัฐเอเชียกลาง 5 แห่ง มายังกวาดาร์ รวมทั้งทำให้กวาดาร์เป็นจุดแวะพักเรือบรรทุกน้ำมันดิบของตน ที่มาจากอิหร่านและอาฟริกาอีกด้วย
คาดว่ากวาดาร์จะเป็นกุญแจด้านความมั่นคงทางพลังงานจีน ความที่ที่ตั้งของมันเป็นจุดยุทธศาสตร์ ทำให้กวาดาร์มีฐานะเป็นท่าเรืออิสระในย่าน กล่าวคือเป็นปลายทางของท่อน้ำมัน/ก๊าซ ทั้งจากเอเชียกลาง อิหร่านและกาตาร์ นอกจากนี้ ปากีสถานกับจีนก็มีรายงานว่ากำลังเจรจาเพื่อต่อท่อน้ำมัน/ก๊าซ จากกวาดาร์ไปยังชายแดนจีน โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันจากซาอุดิ อารเบีย
ท่าเรือกวาดาร์ลึก 14.5 เมตร และมีทางน้ำสำหรับที่จะเข้าจอดเทียบท่า ยาว 5 กิโลเมตร ท่าเทียบเรือ 3 ท่า ความยาว 210 เมตร สามารถให้เรือสินค้าขนาด 50,000 ตันเข้าเทียบท่าได้ทั้ง 3 ท่าพร้อมกัน
การขุดลอกร่องน้ำเข้ามายังท่าเรือ ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร เพิ่งแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนก่อนนี้เอง
บริษัท CHC เพิ่งก่อตั้งบริษัทปฏิบัติงานที่เป็นอิสระแยกจากกัน 4 แห่ง คือ PSA Gwadar Ltd, PSA Gwadar Terminals Ltd, Gwadar Marine Services Ltd กับ Gwadar Free Zone Co Ltd
ปักกิ่งต้องการสร้างโรงกลั่นและโรงงานปีโตรเคมี โดยขั้นต้นจะมีกำลังการผลิตราว 10 ล้านตัน และต่อไปจะขยายเป็น 21 ล้านตัน โดยอาศัยบันทึกช่วยจำที่ลงนามโดยปากีสถานกับจีน ได้มีบริษัท Great United Petroleum Holding Co (GUPC) มาเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ และตระเตรียมการสร้างเมืองปีโตรเคมี ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา
บริษัท GUPC เป็นกลุ่มในวงการปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของภาคเอกชนในจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2005 โดยมีกลุ่มบริษัทในวงการปีโตรเคมี รวมกันเกือบ 50 แห่ง ก่อนนี้ อุตสาหกรรมปีโตรเลียมของจีนถูกผูกขาดโดยรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ อาทิเช่น China National Petroleum Corp (CPNC), China Petrochemical Corp (Sinopec) และ China National Offshore Oil Corp อย่างไรก็ดี หลังจากก่อตั้ง GUPC โดยการรวมตัวกันของภาคเอกชน ก็ช่วยทำลายการผูกขาดนี้ลง
โครงการเมืองปีโตรเคมี ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือกวาดาร์นี้ แบ่งออกเป็น 2 ขั้น ขั้นแรกจะสร้างเมืองเสียก่อน และค่อยตั้งโรงกลั่น คลังเก็บ และศูนย์ขนถ่ายผลิตภัณฑ์ปีโตรเคมีในขั้นที่สอง
ปากีสถานกันพื้นที่สำหรับสร้างเมืองในท่าเรือกวาดาร์ไว้ เป็นเนื้อที่ 5,060 เฮกแตร์ เปิดในผู้สนใจเช่าช่วงในระยะยาวในราคาปกติ เพื่อนำไปสร้างโรงกลั่น หรือลงทุนในคลังเก็บและกิจกรรมด้านปีโตรเคมีอื่น ๆ
ใน 3 ปีแรก โรงกลั่นที่จะสร้าง จะสามารถกลั่นน้ำมันได้ปีละ 10.5 ล้านตัน และจะขยายเป็น 21 ล้านตันภายใน 7-10 ปี นี่เป็นขั้นแรก ส่วนขั้นที่สอง ภายในเวลา 15 ปี กำลังกลั่นจะขยายขึ้นไปถึง 63 ล้านตัน
สภาหอการค้าปีโตรเลียมจีนก็สนใจที่จะลงทุน $12.5 พันล้านเหรียญ เพื่อก่อสร้างเมืองปีโตรเคมี และย้ายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานต่าง ๆ ในจีน เข้าไปในเขตพลังงานท่าเรือกวาดาร์ (Gwadar Port Energy Zone -GPEZ)
ในการจัดสร้าง GPEZ ประเทศทั้งสองจะจัดตั้งกลุ่มคอนซอเตี้ยมร่วม มากำหนดนโยบายให้การอนุเคราะห์พิเศษ และแรงจูงใจด้านภาษี และคาดว่า GPEZ ซึ่งจะประกอบด้วยโรงกลั่นน้ำมัน สถานีก๊าซ และโรงงานปีโตรเคมี จะดึงดูดการลงทุนได้ราว ๆ $13 พันล้านเหรียญ
อิสลามบัดกำลังจะผ่านขั้นตอนแรงจูงใจขั้นสุดท้าย เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมบริการด้านปีโตรเลียมของจีน เข้าไปตั้งในเขต GPEZ เช่นใช้ที่ดินตั้งโรงกลั่นฟรี นำเข้าน้ำมันมาเข้าโรงกลั่นโดยยกเว้นอากรโดยไม่จำกัดจำนวน และการยกเว้นภาษีการขายสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ
มีการเสนอสมาคมส่งเสริมความร่วมมือการค้าพลังงานจีน-ปากี (Pak-China Energy and Trade Cooperation Promotion Association) ขึ้นมาผลักดันแผนการเหล่านี้ สมาคมนี้จะขึ้นอยู่กับระบบคณะกรรมการ มีส่วนประกอบมาจากภาคพลังงานและน้ำมัน/ก๊าซ โดยจะตั้งบริษัทร่วมทุนจีน-ปากี (Pak-China Joint Investment Co) ขึ้นมาจัดการด้านการเงินของโครงการเหล่านี้
แหล่งข่าวทางการเผยว่า ประเทศทั้งสองมีแผนจะประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนจีน-ปากี ในระหว่างการเยือนจีนของนายกฯ ชัวกัต อาซีสแห่งปากีสถาน เดือนหน้า
นักวิจารณ์ในปากีสถานพากันคัดค้านการที่จีนเข้าไปลงทุนขนานหนักในท่าเรือกวาดาร์ พวกเขาเชื่อว่ากวาดาร์ควรจะมีภาพพจน์กลาง ๆ และรัฐบาลปากีสถานควรจะประกาศให้กวาดาร์เป็นเมืองท่าเสรี พวกเขายังเชื่อด้วยว่าการไปเน้นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของกวาดาร์มากไป จะทำให้กวาดาร์มีกำไรทางเศรษฐกิจลดลง
เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีมูชาร์ราฟยังประกาศด้วยว่า ท่าเรือแห่งที่ 4 ของประเทศจะสร้างขึ้นที่เมืองซันมีอานี ในบาลูจีสถาน
Syed Fazl-e-Haider, sfazlehaider05@yahoo.com, is a Quetta-based development analyst in Pakistan. He is the author of six books, including The Economic Development of Balochistan, published in May 2004.