เอเอฟพี - สหรัฐฯขาดดุลการค้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในปี 2006 รวม 763,600 ล้านดอลลาร์ โดยมีสาเหตุสำคัญจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ตลอดจนการนำเข้าสินค้าจีนปริมาณมาก ด้านญี่ปุ่นได้อานิสงส์เงินเยนอ่อนค่า บัญชีเดินสะพัดปี 2006 เกินดุลลิบลิ่วทำสถิติใหม่ 19.84 ล้านล้านเยน (163,600 ล้านดอลลาร์)
รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13) ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แจกแจงต่อไปว่า เฉพาะแค่เดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว สหรัฐฯมียอดขาดดุลการค้าถีบตัวสูงถึง 61,200 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับตัวเลขขาดดุล 58,100 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นยอดขาดดุลการค้าประจำเดือนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ที่ขณะนั้นสหรัฐฯขาดดุลการค้า 64,400 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ขณะนี้ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯน่าจะดำเนินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว จากเมื่อกลางปี 2006 ที่ราคาน้ำมันพุ่งเกินกว่า 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ไนเจล เกาต์ นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันจากโกลบอล อินไซต์ชี้ว่า "และเมื่อพิจารณาถึงชาติต่างๆ ที่ยังคงมีแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่ง อันจะช่วยส่งเสริมการส่งออกของสหรัฐฯ จึงมีความเป็นไปได้ที่ยอดขาดดุลการค้าที่ไม่รวมน้ำมันน่าจะปรับตัวลดลง"
โดยรวมนั้น สหรัฐฯมียอดขาดดุลตลอดทั้งปี 2006 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับตัวเลข 716,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2005 ซึ่งถือเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่แดนอินทรีมียอดขาดดุลการค้าพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี ยอดขาดดุลสหรัฐฯปี 2006 นับว่าสูงขึ้นเพียง 6.5% เท่านั้น เมื่อเทียบกับเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นยอดขาดดุลทะยานสูงขึ้นในอัตราเลขสองหลัก
กระทรวงพาณิชย์ระบุอีกว่า ในปีที่แล้ว สหรัฐฯมีส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 12.8% รวมมูลค่า 1.438 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าสินค้าลดลง 10.5% รวมมูลค่า 2.201 ล้านดอลลาร์
จุดเด่นสำคัญประการหนึ่งในภาพรวมด้านการค้าของสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้วคือ ดุลบริการซึ่งมียอดเกินดุลทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา รวมมูลค่า 72,500 ล้านดอลลาร์
สำหรับยอดขาดดุลการค้ากับจีน ทะยานสูงทำสถิติใหม่อีกครั้งจาก 201,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2005 ทวีความรุนแรงขึ้นกลายเป็น232,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2006
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่น ทำสถิติใหม่เช่นกันรวม 88,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน่าจะทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับการอ่อนค่าลงของเงินเยนยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยอดขาดดุลกับสหภาพยุโรปปรับตัวลดลง เนื่องจากเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ทางด้านกระทรวงการคลังแดนปลาดิบ วานนี้เปิดเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประจำปี 2006 ระบุ เพิ่มขึ้น 8.7% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญคือ ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีรายได้พุ่งสูงถึง 20.8% รวม 13.75 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้อันแข็งแกร่งจากการลงทุนของภาคบรรษัทและครัวเรือน รวมไปถึงผลกำไรส่งกลับจากต่างประเทศ
ส่วนการส่งออกสินค้าสูงขึ้น 14.3% รวมมูลค่ากว่า 71.62 ล้านล้านเยน โดยได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าลงของเงินเยน กระนั้นก็ดี ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าลดลง 8.5% รวมมูลค่า 9.46 ล้านล้านเยน เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันแพงทำให้มูลค่าการนำเข้าทะยานขึ้น 18.9% รวม 62.16 ล้านล้านเยน