เอเอฟพี/เอเจนซี - อิสราเอลได้ร่างแผนการเข้าถล่มศูนย์เพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมของอิหร่าน โดยโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์อานุภาพจำกัดที่มีอำนาจเจาะทะลวงบังเกอร์ใต้ดิน หลังจากนำร่องด้วยการทิ้งระเบิดธรรมดาให้เป็นช่องอุโมงค์แล้ว นสพ.ซันเดย์ไทมส์ของอังกฤษรายงานในฉบับวันนี้ (7) อย่างไรก็ตาม ด้านรัฐบาลอิสราเอลได้ปฏิเสธข่าวเรื่องนี้
นสพ.ฉบับดังกล่าวอ้างคำของแหล่งข่าวทหารอิสราเอลจำนวนหนึ่งว่า กองบินของอิสราเอล 2 กองบิน กำลังฝึกการใช้ระเบิดเพื่อโจมตีโรงงานเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมของอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ใต้ดินลึกในเมืองนาตานซ์
ที่ผ่านมา อิสราเอลไม่เคยแถลงปฏิเสธว่า จะไม่เปิดฉากโจมตีทางทหารต่ออิหร่านก่อน แบบเดียวกับที่ได้เข้าโจมตีทางอากาศโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในอิรักเมื่อปี 1981 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้นเกินกำลังที่อิสราเอลจะรับมือแต่เพียงผู้เดียวได้
ซันเดย์ไทมส์เผยว่า แผนการโจมตีของอิสราเอลจะใช้ระเบิดแบบธรรมดานำวิถีด้วยแสงเลเซอร์ เพื่อเปิดปาก "อุโมงค์" ของเป้าหมาย จากนั้นจะยิงหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ที่มีแรงเท่ากับ 1 ใน 15 ของระเบิดที่ถล่มเมืองฮิโรชิมา เข้าไปข้างในโรงงานเมืองนาตานซ์ดังกล่าว ทั้งนี้หัวรบนิวเคลียร์เมื่อระเบิดภายในใต้ดินลึกๆ เช่นนี้ จะลดฝุ่นกัมมันตรังสีที่เกิดจากการระเบิดลงได้มาก
นอกจากนั้น อิสราเอลยังจะใช้ระเบิดธรรมดาเข้าโจมตีเป้าหมายในอิหร่านอีก 2 แห่ง คือ โรงงานแปรรูปยูเรเนียมซึ่งอยู่ใกล้ๆเมืองอิสฟาฮาน และโรงปฏิกรณ์น้ำมวลหนักที่เมืองอารัค
ซันเดย์ไทมส์บอกว่า นักบินของอิสราเอลได้บินไปยังช่องแคบยิบรอลตาร์ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อฝึกบินไปกลับเป็นระยะทาง 3,200 กม. เป็นการเตรียมโจมตีเป้าหมายในอิหร่าน ทั้งยังได้มีการวางเส้นทางไปอิหร่านที่เป็นไปได้ไว้ 3 เส้นทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือบินผ่านตุรกี
อย่างไรก็ตาม ซันเดย์ไทมส์อ้างคำของแหล่งข่าว โดยบอกว่า จะมีการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก็ต่อเมื่อไม่สามารถโจมตีด้วยอาวุธธรรมดาแล้ว หรือหากสหรัฐฯไม่ยอมเข้ามาแทรกแซงเท่านั้น
สหรัฐฯได้เผยว่า การใช้กำลังทางทหารยังคงเป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ยังยืนยันว่าจะให้ความสำคัญกับการวิธีทางการทูตเป็นอันดับแรก
ซันเดย์ไทมส์รายงานว่า ที่มีการพิจารณาตัวเลือกทางนิวเคลียร์เป็นเพราะเหล่าผู้บัญชาการทหารของอิสราเอลเชื่อว่า การโจมตีแบบธรรมดาอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจะทำลายโรงงานที่มีการป้องกันอย่างดี
ทางนสพ.ยังเพิ่มเติมด้วยว่า การเปิดเผยแผนการดังกล่าวให้รั่วออกมาคราวนี้ อาจมีเจตนาเพื่อกดดันอิหร่านให้หยุดเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมหลังจากที่รายงานข่าวชิ้นนี้เผยแพร่ออกมา
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล มาร์ก เรเกฟ แถลงว่าข่าวนี้ "ไม่ถูกต้อง" โดยกล่าวว่า "อิสราเอลนั้น 100% เต็มยืนอยู่ข้างหลังความพยายามของประชาคมระหว่างประเทศ ในการทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านยุติลง"
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลผู้หนึ่งก็บอกกับเอเอฟพีว่า รายงานดังกล่าวเป็นเรื่อง "เหลวไหล"
"แค่คิดว่าเราจะใช้นิวเคลียร์โจมตีอิหร่าน และยิ่งไปกว่านั้น เราจะบอกนสพ.ต่างประเทศล่วงหน้า มันช่างน่าขันเป็นยิ่งนัก" เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวกับเอเอฟพีโดยไม่ขอเปิดเผยชื่อ
"นโยบายของอิสราเอลในเรื่องนี้ ซึ่งอดีตนายกฯเอเรียล ชารอน เป็นผู้เสนอแนะ และนายกฯเอฮูด โอลเมิร์ต ก็ได้ปฏิบัติตาม ยังไม่เปลี่ยนแปลง และอิสราเอลไม่ได้กำลังวางแผนจะใช้กองกำลังทหารโจมตีอิหร่านด้วย" เขากล่าว
ด้านอิหร่านก็ออกมาตอบโต้กับข่าวนี้เช่นกัน โดย โมฮัมหมัด อาลี โฮสเซนี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวในการแถลงข่าวว่า "มาตรการต่อต้านอิหร่านใดๆจะไม่ถูกปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่มีการตอบโต้ และผู้รุกรานจะต้องเสียใจกับการกระทำของตนในทันทีทันใด"