xs
xsm
sm
md
lg

สาวออสเตรียเปิดใจคิดหนีตลอด นักข่าวยกนิ้วเป็นสาวแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บีบีซีนิวส์/การ์เดียน - นาตาชา คัมปูส์ช สาวชาวออสเตรียซึ่งถูกลักพาตัวไปนาน 8 ปี ปรากฏโฉมครั้งแรกในการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติออสเตรีย เปิดใจคิดหนีตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมขัง แต่คนร้ายขู่จะฆ่าเพื่อนบ้านทุกคนและฆ่าเธอก่อนจะฆ่าตัวตายตาม ผู้สื่อข่าวยกย่องเป็นคนแข็งแกร่ง ถูกจับตัวไปนานแต่ดูรับมือกับสถานการณ์ได้ดี และยังไม่สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง

ชาวออสเตรียหลายล้านคนต่างนั่งติดหน้าจอโทรทัศน์ เพื่อติดตามการสัมภาษณ์สาววัย 18 ที่กำลังโด่งดังที่สุดในประเทศในขณะนี้ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์โออาร์เอฟ ของออสเตรีย ซึ่งการสัมภาษณ์ระยะเวลา 40 นาทีนี้ เป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรก และเปิดเผยหน้าตาของเธอเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ถูกลักพาตัวไปเมื่ออายุ 10 ปี และหนีจากการคุมขังของคนร้ายออกมาได้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่านาตาชาจะให้สัมภาษณ์โดยไม่เปิดเผยหน้าตา แต่เข้าใจว่าเธอตัดสินใจเปิดเผยตัวทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์รายวันโครเนอ ไซตุง และนิตยสารอีกฉบับพร้อมๆ กันเมื่อวันพุธ (6) เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายจากการที่ช่างภาพพยายามแย่งชิงกันเป็นรายแรกที่ได้ภาพของเธอ

ดีทมาร์ เอกเคอร์ ที่ปรึกษาด้านสื่อของนาตาชากล่าวว่า มีสื่อต่างๆ มากกว่า 300 เจ้า ยื่นข้อเสนอเป็นเงินก้อนโตแลกกับการสัมภาษณ์ ทำหนังสือ หรือนำเรื่องราวของเธอไปถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ อย่างไรก็ตาม โออาร์เอฟซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐไม่ได้จ่ายเงินในการขอสัมภาษณ์ครั้งนี้ แต่เป็นผู้ถือสิทธิวิดีโอการสัมภาษณ์ ซึ่งรายได้ที่ได้รับจากการเผยแพร่ซ้ำหรือนำไปขายให้สื่อสำนักต่างๆ จะถูกส่งเข้ากองทุนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือนาตาชาในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

ฉันหนีได้เมื่อไร เขาก็ตายเมื่อนั้น

วอล์ฟกัง พริกโลพิล เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิกด้านการสื่อสารวัย 44 ปี จับตัวนาตาชาซึ่งขณะนั้นอายุ 10 ปี ไปเมื่อเดือนมีนาคม 1998 ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปโรงเรียนหลังจากที่มีปากเสียงกับแม่ โดยวอล์ฟกังได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดให้รถไฟทับในกรุงเวียนนา เพียงวันเดียวหลังจากที่นาตาชาหลบหนีจากการคุมขังได้ ซึ่งเรื่องนี้นาตาชาระบุว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าถ้าฉันหนีออกมาได้มันก็เหมือนตัดสินประหารชีวิตเขา เพราะเขาพูดตลอดว่าจะฆ่าตัวตาย”

นาตาชาเล่าว่าในช่วงแรกๆ ที่ถูกนำตัวไปขังอยู่ในห้องใต้ดินเล็กๆ ที่ไม่มีหน้าต่าง เธอพยายามขว้างขวดน้ำใส่ฝาผนังและส่งเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เพื่อนบ้านเกิดความสงสัย แต่ความพยายามดังกล่าวก็ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม นาตาชายืนยันว่าเธอคิดหนีออกจากที่นั่นตลอดเวลา

“ฉันสัญญากับตัวเองว่าฉันจะโตขึ้น แข็งแรงขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะสามารถเป็นอิสระให้ได้สักวันหนึ่ง” แต่คำขู่ของวอล์ฟกังก็ทำให้เธอกลัว “ฉันไม่ได้กลัวตัวเองจะเป็นอะไรนะ ฉันรักอิสระและสำหรับฉันแล้วความตายก็เป็นอิสระอันสูงสุด ถือเป็นการชดใช้จากเขา แต่เขาพูดอยู่ตลอดว่าถ้าฉันหนี เขาจะฆ่าเพื่อนบ้านให้หมดเป็นอันดับแรก จากนั้นจะฆ่าฉัน แล้วจึงฆ่าตัวตาย”

ทำไมต้องเป็นฉันด้วย

นาตาชา กะพริบตาถี่ๆ อยู่บ่อยครั้งระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางทีวี เนื่องจากตาของเธอยังไวต่อแสง หลังจากที่ถูกจับขังไว้ในห้องมืดเป็นเวลานาน นาตาชาไม่ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำตลอดระยะเวลา 6 เดือนแรกที่ถูกขังไว้ในห้องขนาด 5 ตารางเมตรใต้โรงรถในบ้านของวอล์ฟกัง และเมื่อไรก็ตามที่เธอไม่เชื่อฟังเขา วอล์ฟกังจะปิดไฟให้ห้องไร้หน้าต่างนี้มืดมิดเป็นเวลา 2-3 วันเพื่อทำโทษ

ในช่วงเวลาต่อมาเธอจึงได้รับอนุญาตให้ “ขึ้นข้างบน” ได้บ้างเพื่ออ่านหนังสือและทำงานบ้าน แต่ถ้ามีแขกมาบ้าน แม่ของวอล์ฟกังมาเยี่ยม หรือเขาไม่อยู่บ้าน เธอจะถูกขังไว้ในห้องใต้ดินเป็นเวลาสองสามวัน

สาวผู้เคราะห์ร้ายให้สัมภาษณ์นิตยสารนิวส์ว่า เธอรู้สึกเหมือนเป็นไก่น่าเวทนาที่ถูกขังอยู่ในเล้า “ฉันถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมเรื่องอย่างนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย มีคนตั้งหลายล้านคนแต่ทำไมต้องเป็นฉัน ฉันคิดเสมอว่าฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกขังและปล่อยให้ชีวิตพังพินาศไปอย่างนี้”

ตลอดระยะเวลา 8 ปี นาตาชาถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินเล็กๆ ที่เธอเชื่อว่ามีระเบิดอยู่ การสื่อสารกับมนุษย์มีเพียงการสื่อสารกับคนร้ายที่จับตัวเธอไป และเป็นผู้จัดหาเสื้อผ้า อาหาร และช่วยเธอเรียนหนังสือ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเขาล่วงละเมิดทางเพศเธอด้วยหรือไม่

เธอพูดถึงชายผู้จับตัวเธอไปว่า “ฉันมีทางเลือกว่าจะอยู่คนเดียวหรืออยู่กับเขา ทั้งสองอย่างไม่ใช้ทางเลือกที่น่าทำนักหรอก ... แต่คุณไม่ควรถามฉันเรื่องเขามากนัก เพราะตอนนี้เขาแก้ต่างอะไรให้ตัวเองไม่ได้แล้ว ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีนักที่เราจะนั่งตำหนิคนที่ตายไปแล้ว”

“แต่บางทีฉันก็คิดอะไรร้ายๆ เหมือนกัน บางครั้งฉันฝันว่าถ้ามีขวานฉันจะฟันหัวเขาให้ขาดไปเลย”

หนี!

ในบทสัมภาษณ์ของหนังสือพิมพ์โครเนอ ไซตุง นาตาชาเล่าว่าเธอเคยพยายามกระโดดออกจากรถ ในช่วงที่เขายอมพาเธอออกไปซื้อของนอกบ้าน แต่วอล์ฟกังจับตัวเธอไว้ได้และพากลับบ้านโดยทันที “ฉันเสี่ยงทำอะไรไม่ได้เลย เขาเป็นพวกหวาดระแวงและไม่ไว้ใจคน ถ้าฉันพลาดก็หมายความว่าจะไม่ได้ออกจากคุกใต้ดินอีกเลย”

เธอกล่าวด้วยว่าทุกครั้งที่ออกไปซื้อของ วอลฟ์กังจะให้เธอเดินนำหน้า ซึ่งเธอจะพยายามสบตาคนที่เดินสวนกันหรือพนักงานในร้านเพื่อขอความช่วยเหลืออยู่ตลอด แต่ไม่มีใครมีปฏิกิริยาตอบสนอง

ส่วนการหนีออกมาได้สำเร็จเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนั้น เกิดขึ้นเมื่อเธอฉวยโอกาสขณะที่วอล์ฟกังกำลังคุยโทรศัพท์วิ่งหนีออกจากบ้าน โดยพยายามข่มความรู้สึกกลัวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากการหนีครั้งนี้ล้มเหลว

เธอวิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้คนแถวนั้น “แต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครมีมือถือ พวกเขาเพียงยักไหล่และทำธุระของตัวเองต่อ” เธอพยายามต่อจนกระทั่งพบหญิงคนหนึ่งที่รับฟังเรื่องราวของเธอและโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

ก้าวต่อไป

ความมั่นใจที่ฉายออกมาจากดวงตาสีฟ้าของสาวผมบลอนด์ ซึ่งสวมผ้าคลุมศีรษะไว้ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นทางเลือกกรณีที่เธออยากเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองใหม่ ทำให้หลายๆ คนรู้สึกทึ่ง

คริสตอฟ ฟอยร์สไตน์ ผู้สื่อข่าวของโออาร์เอฟที่มีโอกาสได้พูดคุยกับนาตาชาเล่าว่า “ใครจะไปคิดว่าคนที่ถูกขังไว้ 8 ปีจะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองได้ขนาดนี้ ... เวลาที่เธอ (เล่าเรื่อง) ถูกจับขังครั้งแรก คุณจะสัมผัสได้ถึงความกลัวของเธอ"

ด้านบริเจตต์ ฮันด์ลอส บรรณาธิการบริหารของโออาร์เอฟระบุว่า นาตาชาเป็นคนที่ "แข็งแกร่งมาก และเปิดเผยมาก ... ไม่มีน้ำตา ไม่มีการสะดุด เธอให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงอย่างราบรื่น”

นาตาชานับเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของผู้เคราะห์ร้ายวัยเยาว์ที่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นและหนีออกมาได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะระบุผลกระทบอันเกิดจากการถูกควบคุมตัวเป็นเวลานาน และหนทางรักษา

นักจิตวิทยาระบุ สิ่งที่ยากเป็นอย่างยิ่งคือการให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างปกติที่สุด ให้เธอปรับตัวเองกลับสู่ชีวิตที่เคยเป็นเมื่ออายุ 10 ขวบ แต่ในฐานะสาว 18 นอกจากนี้ยังต้องรับมือกับความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งที่เกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน เพราะเด็กโดยทั่วไปจะสงสัยว่าทำไมพ่อแม่จึงไม่มาตามหา หรือไม่มีใครมาช่วยเธอออกจากที่คุมขัง

สุดท้ายคือการรับมือกับอาการ “สต็อกโฮล์ม ซินโดรม” ที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ถูกลักพาตัวเกิดความรู้สึกผูกพันและจงรักภักดีต่อผู้ลักพาตัว โดยเฉพาะเมื่อการฆ่าตัวตายของวอล์ฟกังอาจทำให้นาตาชารู้สึกสับสน ทั้งรู้สึกผิดและโล่งใจในเวลาเดียวกัน

คลิกอ่านสถานที่ขังอิสรภาพสาวออสเตรีย




ภาพนาตาชา คัมปูส์ช วัย 10 ปีที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อเธอหายตัวไปในปี 1998
กำลังโหลดความคิดเห็น