เอเอฟพี - สหรัฐฯกำลังเผชิญภาระหนักหน่วงอีกครั้ง ในการต่อชีวิตพลิกฟื้นการเจรจาเปิดเสรีการค้าโลกรอบโดฮา ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) หลังจากถูกรุมโจมตีอย่างหนักว่า เป็นสาเหตุทำให้การหารือครั้งสำคัญรอบล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาล้มเหลวไร้ข้อสรุป
การประชุมระดับรัฐมนตรี ของชาติสมาชิกดับเบิลยูทีโอ ณ นครเจนีวาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับสูตรคำนวณในการลดกำแพงภาษีสินค้าเกษตรและสินค้าภาคอุตสาหกรรมการผลิต ได้จบลงด้วยความล้มเหลว โดยสาเหตุสำคัญประการหนึ่งเนื่องมาจากท่าทีแข็งกร้าวของฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนผลประโยชน์ของตนลง
ปาสกาล ลามี ผู้อำนวยการใหญ่ของดับเบิลยูทีโอ กล่าวกับบรรดาตัวแทนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.) ระหว่างการแถลงผลการประชุมอย่างเป็นทางการว่า "ผมจะไม่พูดอ้อมค้อมในเรื่องนี้ ขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตอย่างแท้จริงแล้ว"
คำกล่าวของลามีครั้งนี้ไม่เพียงแต่ย้ำเน้นถึงความล้มเหลวที่เกิดขึ้น แต่ยังสะท้อนถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือขององค์กร ซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั่วโลกถึง 149 ชาติ โดยมีสหรัฐฯเป็นผู้สนับสนุนหลักในการก่อตั้ง
การเจรจาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งของชาติสมาชิกซึ่งจบลงด้วยความล้มเหลวเช่นเดิม โดยที่ไม่สามารถเดินตามตารางเวลาเส้นตายที่กำหนดไว้ได้ในการยุติการเจรจารอบโดฮา ที่มีเป้าหมายสำคัญเพื่อทลายกำแพงการค้าระหว่างกัน และช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจของชาติกำลังพัฒนาเจริญเติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งเปิดฉากขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2001 ที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์
ในระหว่างการประชุมคราวนี้ น่าสังเกตว่าไม่มีตัวแทนจากชาติใดเลยออกมาพูดปกป้องเข้าข้างสหรัฐฯ หลังจากที่ฝ่ายสหภาพยุโรป (อียู) และชาติกำลังพัฒนาอีกหลายประเทศกล่าวโจมตีแดนอินทรีอย่างหนัก เกี่ยวกับกรณีที่อเมริกาปฏิเสธไม่ยอมทบทวนเปลี่ยนแปลงข้อเสนอลดการอุดหนุนภาคเกษตรที่เคยให้ไว้เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2005
คณะผู้เจรจาของสหรัฐฯซึ่งต้องเผชิญกับแรงกดดันอยู่แล้วจากสภาคองเกรสและกลุ่มล็อบบี้ในประเทศ ชี้แจงว่า เหตุที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเสนอที่เคยยื่นไว้ เป็นเพราะข้อเสนอของชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอียู บราซิล ญี่ปุ่น และอินเดียนั้นไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์มาตรฐานในการเข้าถึงตลาดของสหรัฐฯ
"เราจะไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้ได้ จนกว่าเราจะปฏิบัติตามคำมั่นและภาระหน้าที่ที่เคยให้ไว้ที่กรุงโดฮา ในการสร้างสภาพแวดล้อมด้านค้าที่มีเสรีมากขึ้นเพื่อยังประโยชน์ให้แก่บรรดาเกษตร ผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้ผลิต แรงงาน ผู้ให้บริการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ผู้บริโภคทั่วโลก" ซูซาน ชวาบ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯคนใหม่ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากล่าว
พร้อมเสริมต่อว่า "สหรัฐฯมาเข้าร่วมการประชุมในที่นี้ในฐานะผู้นำรายหนึ่งในระบบ...ที่มีการนำเสนอแผนการสำคัญด้านการเกษตร โดยหวังว่าข้อเสนอของเราจะได้รับการตอบสนองด้วยข้อเสนอลักษณะเดียวกันที่สมน้ำสมเนื้อจากฝ่ายต่างๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่สิ่งนี้กลับไม่เกิดขึ้น"
สหรัฐฯกล่าวหาว่า บรรดาชาติยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศกำลังพัฒนาที่มีระดับการพัฒนาสูง มีการปิดกั้นการเข้าถึงตลาดโดยแฝงมารูปของการยกเว้น "สินค้าพิเศษ" และสินค้าที่มีความอ่อนไหว" หรือที่เรียกว่า "มาตรการปกป้องพิเศษ"
ชวาบยกอียูขึ้นมาเป็นกรณีตัวอย่างในเรื่องนี้ และกล่าวว่า สหรัฐฯไม่มีทางที่จะเป็นชาติที่มีการอุดหนุนภาคการเกษตรภายในประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลกไปได้ เพราะอียูมีการอุดหนุนในด้านนี้มากกว่าสหรัฐฯ ถึง 3 เท่า
ด้านปีเตอร์ แมนเดลสัน กรรมการธิการการค้ายุโรป ตอกกลับว่า อียูจำเป็นต้องทำเช่นนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับเกษตรของสหรัฐฯได้ พร้อมระบุว่า แม้ทางอเมริกาจะได้เสนอปรับลดความช่วยเหลือภาคเกษตรในประเทศลง 60% แต่สหรัฐฯ ก็ยังคงมีการอัดฉีดเงินช่วยเหลือภาคเกษตรกรรมอยู่ถึงปีละ 22,000 ล้านดอลลาร์