xs
xsm
sm
md
lg

“บัฟเฟตต์” เปิดใจชอบวัตถุประสงค์มูลนิธิเกตส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นิวยอร์กไทมส์ - วอร์เรน บัฟเฟตต์ อภิมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก ยอมรับถูกใจเป้าหมายสำคัญของมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ที่ต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากไร้ทั่วโลก โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา หรือความแตกต่างใดๆ จึงเลือกบริจาคเงินก้อนโตเป็นจำนวนถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธินี้

บัฟเฟตต์ กูรูด้านการลงทุนชื่อดัง เจ้าของเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ บริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการวันนี้ (27) ที่ห้องสมุดสาธารณะนิวยอร์กร่วมกับบิล และเมลินดา เกตส์ ว่า การพิจารณาเลือกองค์กรการกุศลนั้นก็เหมือนกับการเลือกบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน นั่นก็คือ “ผมต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับผู้บริหารคนอื่นๆ” และยังพูดติดตลกด้วยว่า กระบวนการคัดสรรดังกล่าวเปรียบได้กับเวลาคนเรามองหาคู่ครอง

“ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่จะไปแต่งงานกับคนที่เราหวังให้จะเขาเปลี่ยนแปลงไปตามใจเรา” บัฟเฟตต์ กล่าว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25) บัฟเฟตต์ได้ประกาศว่า จะบริจาคเงินประมาณ 37,400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 85% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้กับมูลนิธิการกุศล 5 แห่ง โดยเงินบริจาคส่วนใหญ่ราว 31,000 ล้านดอลลาร์จะมอบให้แก่มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ซึ่งเป็นมูลนิธิการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีเงินทุนมหาศาลอยู่แล้วถึงประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลนิธิแห่งนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น มากกว่ามูลนิธิฟอร์ด ซึ่งเป็นมูลนิธิอันดับ 2 ของโลกถึงกว่า 5 เท่า

ด้าน บิล และเมลินดา เกตส์ พูดถึงเงินบริจาคก้อนโตจากบัฟเฟตต์ เพื่อนสนิทว่า จะนำเงินก้อนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของทางมูลนิธิที่ต้องการต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นคว้าวิจัยวัคซีนโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย ในประเทศโลกที่สาม และปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนมัธยมปลายและห้องสมุดของชาวอเมริกันให้ดียิ่งขึ้น

นับตั้งแต่มูลนิธินี้ก่อตั้งขึ้นมาได้มีการนำเงินไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้วกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ โดย เมลินดา เกตส์ ได้ยกตัวอย่างถึงการให้ความช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ของทางมูลนิธิในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ด้วยวิธีการให้สินเชื่อจำนวนน้อยแก่คนกลุ่มเล็กๆ ที่บ่อยครั้งเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยเพียงแค่ 25 ดอลลาร์แก่คนยากไร้ซึ่งมักเป็นผู้หญิงที่มีลูกต้องเลี้ยงดู เพื่อที่พวกเขาจะได้นำเงินนี้ไปเป็นทุนรอนในการตั้งต้นธุรกิจเล็กๆ เช่น นำไปซื้อเครื่องทอผ้า หรืออุปกรณ์ซ่อมจักรยาน เป็นต้น

บิต เกตส์ เผยว่า เขาต้องการนำเงินนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์ในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นคว้าวิจัยวัคซีนต่อต้านโรคในเด็ก อีกทั้งเพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอายุขัย อาชีพการงาน ตลาด สาธารณูปโภคพื้นฐาน ฐานภาษี ฯลฯ ของประเทศยากไร้เหล่านี้ให้พ้นจากความยากจน

พร้อมเสริมว่า ความฝันประการที่สอง คือ เพื่อปรับปรุงคุณภาพการศึกษาของชาวอเมริกัน ซึ่งบัฟเฟตต์ ประกาศชัดเจนว่า ตัวเขาเองก็มีความฝันเช่นเดียวกันไม่แตกต่างจากครอบครัวเกตส์เลย

บัฟเฟตต์ เปิดใจพูดถึง บิล เกตส์ ต่อไปอีกว่า เขาคิดว่าบิลเป็นคนที่ศึกษาเรื่องราวใหม่ๆ เช่น ด้านเวชกรรม ได้รวดเร็วกว่าตัวเขามาก และเสริมว่า “ผมคงไม่สามารถนั่งทนฟังความคิดเห็นร้อยแปดพันประการของผู้คนจำนวนมากได้เหมือนพวกเขา”

ทั้งนี้ มูลนิธิเกตส์นั้น มีรูปแบบการทำงานทั้งในด้านสาธารณสุขและการศึกษาที่ชัดเจนไม่เหมือนใคร อาทิ แทนที่จะนำเงินไปฟื้นฟูระบบสาธารณสุขในประเทศยากจน มูลนิธินี้กลับนำเงินจำนวนมากไปลงทุนค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อแก้ปัญหา เช่น การวิจัยวัคซีนโรคมาลาเรีย หรือยารักษาวัณโรค และยังได้นำเงินไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น อาทิ วัคซีนและมุ้งกันยุงแทน

ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิก็ยังพยายามชักจูงให้ชาติร่ำรวยอื่นๆ ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือ และแนะให้ชาติยากจนมีการจัดระบบการกระจายความช่วยเหลือให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับในด้านการศึกษา มูลนิธิเกตส์เลือกที่จะสร้างโรงเรียนต้นแบบขึ้นมา เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับระบบการศึกษาของโรงเรียนรัฐ มากกว่าที่จะนำเงินไปแจกจ่ายให้กับย่านคนจนทุกแห่งในสหรัฐฯ

นอกจากนั้น ในด้านสาธารณสุข มูลนิธิยังได้สร้าง “ประเทศต้นแบบ” ขึ้นด้วย เช่น มีการทดลองเพื่อหาวิธีการใหม่ๆ ในการต่อสู้กับโรคมาลาเรียอยู่ที่ประเทศแซมเบีย ซึ่งถึงแม้จะเป็นประเทศยากจนแถบแอฟริกา แต่รัฐบาลมีการคอร์รัปชันน้อยกว่าประเทศอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น