เอเอฟพี – ญี่ปุ่นออกกฎหมายฉบับใหม่ในวันนี้ (15) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลและบรรดานายจ้างร่วมกันต่อสู้กับอัตราการฆ่าตัวตายที่พุ่งสูงขึ้นของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในโลก
กฎหมายต่อสู้การฆ่าตัวตาย ซึ่งผ่านการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากสภาล่าง โดยที่ได้ผ่านการรับรองของสภาสูงแล้วด้วย มีเนื้อหาระบุให้รัฐบาลทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ต้องจัดวางนโยบายต่างๆ เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย และดูแลครอบครัวซึ่งมีสมาชิกกระทำอัตวินิบาตกรรม โดยที่รัฐบาลจะต้องรายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้เป็นประจำทุกปี
นอกจากนั้น กฎหมายนี้ยังขอให้นายจ้างทำงานกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เพื่อดูแลสุขภาพจิตของพนักงานให้ดีขึ้น
ตามตัวเลขของตำรวจ มีชาวญี่ปุ่นรวม 32,552 คน ฆ่าตัวตายในปี 2005 นับเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันที่ตัวเลขนี้สูงเกิน 30,000 คน อีกทั้งคิดเป็น 4.7 เท่าของจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจร
ญี่ปุ่นนับเป็น 1 ใน 3 ชาติซึ่งมีผู้ฆ่าตัวตายสูงที่สุดในโลก โดยอีก 2 ประเทศคือ รัสเซีย กับ ฮังการี
สำหรับสาเหตุของการฆ่าตัวตายในแดนอาทิตย์อุทัยนั้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวโทษเรื่องช่องว่างความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน ซึ่งถ่างกว้างขึ้นทุกที ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือทางสังคมแก่ผู้ว่างงานก็ย่ำแย่ลง ขณะที่ญี่ปุ่นเพิ่งฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยนับสิบปี นอกจากนั้น หลายคนก็มองไปที่วัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งไม่ค่อยมีข้อห้ามทางศาสนาที่ต่อต้านการฆ่าตัวตาย
ในวันเดียวกันนี้ สภาทั้งสองของญี่ปุ่นยังได้ผ่านร่างแก้ไขเพิ่มความเข้มงวดให้แก่กฎหมายการจ้างงานอย่างเท่าเทียมปี 1986
กฎหมายปี 1986 นี้ มีเนื้อหาห้ามการกีดกันทางเพศในที่ทำงาน ซึ่งหลังประกาศใช้ก็ทำให้ผู้หญิงญี่ปุ่นไปทำงานตามสำนักงานกันเพิ่มขึ้นมากมาย
สำหรับร่างแก้ไข มีมาตราที่ห้ามนายจ้างกีดกันทางอ้อม เช่น การตั้งหลักเกณฑ์จ้างงานหรือเลื่อนตำแหน่งซึ่งมีเงื่อนไขทางร่างกายอย่างไม่จำเป็น เช่น น้ำหนัก หรือรูปร่างหน้าตา, การชักจูงพนักงานที่ตั้งครรภ์ให้ลาออกหรือยอมไปทำงานตำแหน่งอื่น
ญี่ปุ่นนั้นให้สิทธิลาคลอดที่จัดว่าใจดี ทว่าพนักงานหญิงก็ร้อนเรียนว่า บ่อยครั้งพวกเธอจะถูกเกลี้ยกล่อมให้ลาออก หรือเมื่อกลับไปทำงาน ก็ได้รับแจ้งว่าไม่มีตำแหน่งงานเดิมแล้ว
ความลำบากที่สตรีทำงานนอกบ้านประสบเหล่านี้ มองกันว่า เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้อัตราเกิดในญี่ปุ่นลดต่ำลงเรื่อยๆ เพราะทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะแต่งงานช้า หรือไม่ก็ไม่คิดมีครอบครัวเลย