เอเอฟพี – กลุ่มตอลิบานออกมาแสดงความเห็นในวันอาทิตย์ (11) ว่า นักโทษชาวมุสลิม 3 คน ที่ทางสหรัฐฯอ้างว่าได้ฆ่าตัวตายนั้น ไม่ได้ละเมิดคำสอนของศาสนาอิสลามด้วยการปลิดชีพตัวเอง และการตายของพวกเขาเป็นฝีมือของถูกผู้คุมชาวสหรัฐฯ
มุฮัมหมัด ฮานิฟ โฆษกของกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถานที่มักจะติดต่อกับสื่อจากสถานที่ลับกล่าวว่า “เราไม่สามารถยอมรับได้ว่าพวกเขาฆ่าตัวตาย ไม่มีมุสลิม หรือมุญาฮิด (รักรบศักดิ์สิทธิ์) สามารถฆ่าตัวตายได้ มันเป็นเรื่องต้องห้ามตามกฎหมายชาริอะ”
ด้านผู้บัญชาการเรือนจำอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้พบผู้ต้องหาในคดี “สงครามก่อการร้าย” ซึ่งเป็นชาวเยเมน 1 คน ชาวซาอุดีอาระเบีย 2 คน เสียชีวิตในห้องขังของพวกเขาเมื่อวันเสาร์ (10) ด้วยการใช้เสื้อผ้าและผ้าปูเตียงมาแขวนคอตัวเอง
โดย ฮานิฟ กล่าวว่า มันมีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการฆ่าตัวตายและการโจมตี “คนนอกศาสนา” ด้วยการพลีชีพตนเอง และชาวอาหรับทั้ง 3 คน ที่ทางสหรัฐฯกล่าวว่า พวกเขาได้ฆ่าตัวตาย มันไม่เป็นเรื่องจริง พวกคนที่จับตัวเขาเป็นคนฆ่าพวกเขา
ฮานิฟ กล่าวต่อว่า “นักรบมุญาฮิดมีพันธะที่จะต้องดิ้นรนจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตของพวกเขา”
อนึ่ง ภายในเรือนจำของกองทัพแห่งนี้ ที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวกวนตานาโม มีนักโทษอยู่ราว 460 คน โดยเป็นชาวอัฟกานิสถานประมาณ 100 คน โดยจำนวนมากถูกจับในอัฟกานิสถานหลังจากที่สหรัฐฯบุกอัฟกานิสถานในเดือนพฤศจิกายน 2001 เพื่อโค่นล้มรัฐบาลตอลิบันที่ให้ที่พักกับกลุ่มอัลกออิดะห์
สำหรับเหตุนักโทษชาวอาหรับ 3 คน แขวนคอตายในเรือนจำภายในฐานทัพของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่อ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา ถือเป็นเหตุฆ่าตัวตายกรณีแรกที่เกิดขึ้นในเรือนจำแห่งนี้ นับตั้งแต่ถูกใช้เป็นที่คุมขังผู้ต้องสงสัยว่าก่อการร้ายในปี2002 อีกทั้งคาดหมายกันว่าจะยิ่งเพิ่มเสียงประณามโจมตีจากนานาชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า รัฐบาลอเมริกาปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่นี่อย่างไร้มนุษยธรรม
พลเรือตรีแฮร์รี แฮร์ริส ผู้บัญชาการเรือนจำกวนตานาโมให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ในงานแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ (10) ว่า นักโทษทั้งสาม ซึ่งประกอบไปด้วย ชาวซาอุดีอาระเบีย 2 คน และชาวเยเมน 1 คน ได้ใช้เสื้อผ้าและผ้าคลุมเตียงแขวนคอตายในห้องขัง
พลเรือแฮร์ริสเล่าถึงเหตุการณ์ว่า ผู้คุมพบเห็นสิ่งผิดปกติในห้องขังห้องหนึ่ง จึงเข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่า มีนักโทษคนหนึ่งแขวนคอ ในช่วงเช้ามืดของวันเสาร์
"เมื่อแน่ชัดแล้วว่ามีนักโทษได้แขวนคอตัวเอง เหล่าผู้คุมและทีมแพทย์ก็รุดไปยังห้องขังนั้นเพื่อพยายามช่วยชีวิตนักโทษคนนี้" พลเรือตรีแฮร์ริสกล่าว
ภายหลังจากที่ผู้คุมไปตรวจสอบนักโทษคนอื่นๆ ปรากฏว่า นักโทษอีกสองคนก็ก่อเหตุอัตวินิบาตกรรมไปแล้วเช่นกัน
พลเรือตรีแฮร์ริสกล่าวว่าทีมแพทย์ได้พยายามใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตนักโทษเหล่านี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นจึงประกาศการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ
ผู้บัญชาการเรือนจำกวนตานาโมกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นักโทษทั้งสามเคยร่วมประท้วงอดอาหารครั้งใหญ่ แล้วก็ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำบังคับป้อนอาหารทางท่อสายยางมาแล้ว
ทั้งนี้ จากสภาพที่ต้องถูกคุมขังยาวนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กอปรกับไม่ได้รับสิทธิที่เชลยสงครามหรืออาชญากรพึงได้รับตามระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ จึงทำให้นักโทษในเรือนจำแห่งนี้ หลายต่อหลายคนก่อเหตุประท้วงอดอาหารและพยายามฆ่าตัวตาย
กองทัพสหรัฐฯเปิดเผยว่า นับตั้งแต่เรือนจำกวนตานาโมเปิดใช้งานเมื่อเดือนมกราคม ปี2002 มีนักโทษ 23 คน พยายามฆ่าตัวตายไป 41 ครั้ง โดยพยายามแขวนคอ 29 ครั้ง
สำหรับความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆต่อเหตุการณ์ครั้งนี้นั้น เคน รอต ประธานกลุ่ม'ฮิวแมนไรท์ วอตช์'ในนิวยอร์ก กล่าวว่า เหตุฆ่าตัวตายลักษณะนี้คงจะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน ตราบเท่าที่ผู้คนยังถูกคุมขังโดยไม่มีกฎหมายรองรับและไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด
บรรดาทนายความประจำ'ศูนย์คุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญ'ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้นักโทษราว 200 คน ในเรือนจำกวนตานาโม กล่าวว่า เหตุแขวนคอตายครั้งนี้สะท้อนให้เห็นภาพของนักโทษที่สิ้นหวังเพราะไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่มีใครสักคนที่จะยอมฟังสิ่งที่พวกเขาอยากพูดเลย
อย่างไรก็ดี พลเรือตรีแฮร์ริส ผู้บัญชาการเรือนจำ กลับมองต่างออกไป โดยกล่าวว่า การฆ่าตัวตายครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดจากความรู้สึกสิ้นหวัง แต่น่าจะถือเป็น'การลอบทำสงคราม'โจมตีสหรัฐฯมากกว่า
ทางด้านโทนี สโนว์ โฆษกของทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช รับทราบเหตุดังกล่าวจากคำบอกเล่าของคอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ สตีเฟน แฮดลีย์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และจอช โบลเทน ประธานคณะทำงานของทำเนียบขาว แล้ว
สโนว์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีบุชได้แสดงความวิตกกังวลอย่างสุดซึ้งหลังจากทราบเหตุฆ่าตัวตายครั้งนี้ พร้อมกับเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประพฤติปฏิบัติต่อศพของนักโทษทั้งสามโดยยึดถือหลักมนุษยธรรมและคำนึงถึงประเด็นละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯยังได้แจ้งเหตุดังกล่าวต่อสหประชาชาติ สหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศของสภากาชาด และสถานเอกอัครราชทูตของประเทศในตะวันออกกลาง แล้ว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ ประธานาธิบดีบุชกล่าวว่า จะพยายามขนย้ายนักโทษออกจากคุกกวนตานาโมให้หมดโดยส่งนักโทษส่วนหนึ่งกลับประเทศบ้านเกิด ขณะที่จะนำนักโทษที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศต่างๆ มาพิจารณาคดีในศาลสหรัฐฯ พร้อมกับย้ำว่ายังมีนักโทษบางส่วนซึ่งหากได้รับอิสรภาพก็อาจจะก่อเหตุคุกคามประชาชนชาวอเมริกันและชาติอื่นๆทั่วโลก