เอเจนซี – คณะลูกขุนตัดสินในวันพฤหัสบดี (25) ว่า เคนเนธ เลย์ และ เจฟฟรีย์ สกิลลิง อดีตผู้บริหารของเอนรอน คอร์ป มีความผิด ฐานแจ้งเท็จเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของบริษัท ซึ่งอาจทำให้ทั้งสองคนต้องถูกลงโทษด้วยการจำคุกเป็นเวลานาน
การตัดสินคดีความฉ้อฉลทางธุรกิจในครั้งนี้ ที่ทำให้วอลล์สตรีทและรัฐบาลสหรัฐฯต้องตกตะลึงในครั้งนี้ ถือว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของอัยการแห่งสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการจะสื่อให้รู้ว่าอเมริกาต้องดำเนินการต่างๆ ด้วยความโปร่งใสสุจริต
โดย เลย์ วัย 64 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิดใน 6 ข้อหาของการสมรู้ร่วมคิดและกระทำการฉ้อฉล และอาจจะต้องจำคุกเป็นเวลานาน 45 ปี
ด้าน สกิลลิง ถูกตัดสินว่า มีความผิดใน 19 ข้อหา คือ การสมรู้ร่วมคิด กระทำการฉ้อฉลซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายในที่เป็นการเอาเปรียบ และแจ้งข้อมูลเท็จ ซึ่งอาจจะต้องรับโทษสูงสุดในเรือนจำถึง 185 ปี อย่างไรก็ตาม เขาพ้นผิดในคดีอาญาอีก 9 ข้อหา
ส่วนการพิจารณาคดีที่แยกออกจากการตัดสินนี้ ผู้พิพากษา ซิม เลก ตัดสินว่า เลย์ มีความผิดจริงในการฉ้อฉลธนาคารทั้ง 4 ข้อหา คือ การใช้เงินอย่างผิดกฎหมาย ด้วยการไปกู้เงิน 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯมาเป็นการส่วนตัว เพื่อไปซื้อหุ้น
อนึ่ง หลังจากมีการอ่านคำตัดสินแล้ว สกิลลิง ถึงกับก้มหน้าลง ขณะที่ ลินดา ซึ่งเป็นภรรยาของเลย์ได้คว้าแขนสามีของเธอเอาไว้
ทั้งนี้ เอนรอน เคยเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของสหรัฐฯ แต่ว่าต้องล้มละลายเมื่อเดือนธันวาคม 2001 จนกลายเป็นการล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทในสหรัฐฯ ท่ามกลางการเปิดเผยว่า มีการทำการตกลงกันใต้โต๊ะเพื่อปกปิดหนี้สิน และรายงานผลกำไรเกินจริง เพื่อมุ่งหลอกลวงเหล่านักลงทุน ในเรื่องฐานะผลประกอบการของเอนรอน