'ซูฮาร์โต'หลุดคดีโกงชาติพันล้าน - อิเหนาอ้าง'สุขภาพแย่'ยอมถอนฟ้อง

เอเอฟพี -อัยการสูงสุดอินโดนีเซีย แถลงวันนี้(12)ว่า ได้ถอนฟ้องอดีตจอมเผด็จการซูฮาร์โต ด้วยข้อหาทุจริตรับสินบน และเบียดบังทรัพย์สินของรัฐเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในระหว่างปกครองประเทศอยู่ 32 ปี เนื่องจากซูฮาร์โตมีสุขภาพย่ำแย่

การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรื่องการปิดคดีฟ้องร้องอดีตประธานาธิบดีวัย 84 ปีผู้นี้ ยังขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ผู้ซึ่งก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ได้ตัดสินใจให้ชะลอการตัดสินใจเรื่องนี้ไว้ก่อน โดยบอกว่าต้องการเวลาในการชั่งใจพิจารณาดูทุกๆ แง่มุมของคดี

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของอัยการสูงสุดก็มากพอที่จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาโกรธเคืองจากบรรดานักวิจารณ์ ซึ่งต้องการให้นำตัวจอมเผด็จการผู้นี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า อินโดนีเซียที่มีประวัติย่ำแย่เหลือเกินในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น กำลังมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้วจริงๆ

"คดีนี้ปิดลงแล้วในนามของกฎหมาย" อัยการสูงสุด อับดุล เราะห์มาน ซาเละห์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยชี้แจงว่าการตัดสินใจคราวนี้เนื่องมาจากเงื่อนไขด้านสุขภาพของซูฮาร์โต ผู้ซึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นครั้งที่สองภายในเวลาสัปดาห์เดียวเมื่อวันพฤหัสบดี(11)

"การตัดสินใจ(ของฝ่ายอัยการ)นี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารที่ท่านประธานาธิบดีจะใช้ในการตัดสินใจของตัวท่านเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นี่จะเป็นเอกสารที่ท่านประธานาธิบดีต้องการ" เขาบอก

ประธานาธิบดีซูซิโลได้พบหารือคดีของซูฮาร์โต กับพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสเมื่อวันพุธ(10) ภายหลังมีผู้นำการเมืองบางคนเรียกร้องว่า ควรปิดคดีกล่าวหาอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ได้แล้ว ในเมื่อสุขภาพของเขาย่ำแย่เต็มที

หลังจากนั้นก็มีรายงานว่า ซูซิโลเรียกดูเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพของซูฮาร์โต รวมทั้งผลการสอบสวนคดีฟ้องร้องอดีตจอมเผด็จการผู้นี้ เพื่อพิจารณาโดยเร็วที่สุด ทว่าตอนเช้าวานนี้ ซูซิโลก็กลับแถลงว่า ขอเลื่อนการตัดสินใจไปก่อน

ซาเละห์กล่าวว่า ฝ่ายอัยการได้ถอนข้อหาในคดีฟ้องทุจริตรับสินบน อันเกี่ยวข้องกับมูลนิธิการกุศล 7 แห่งที่ซูฮาร์โตเคยเป็นผู้ดูแล

กระนั้นก็ตาม มุกตาร์ อาริฟิน อัยการผู้หนึ่งจากสำนักงานของซาเละห์แถลงว่า ยังจะมีการติดตามเงินทองที่ครอบครัวซูฮาร์โตถูกกล่าวหาว่ายักยอกไป อย่างน้อยก็ให้ได้คืนมาบางส่วน

เขาแจกแจงรายละเอียดว่า มูลนิธิการกุศล 7 แห่งดังกล่าว ได้ถูกเบียดบังเงินทองไปประมาณ 419 ล้านดอลลาร์ แล้วต่อมาก็ถูกเพิ่มอีก 1.3 ล้านล้านรูเปียห์ (คิดเป็นมูลค่าเวลานี้เท่ากับ 149 ล้านดอลลาร์)

อินโดนีเซียถูกจัดอันดับเรื่อยมา ว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นสูงที่สุดของโลก อันเป็นสถานการณ์ที่มองกันว่า การปกครองในยุคซูฮาร์โตมีบทบาทเอื้ออำนวยอย่างสำคัญ

บรรดานักเคลื่อนไหวสิทธิในอินโดนีเซียแถลงว่า การตัดสินใจถอนคดีของฝ่ายอัยการ ถือเป็นการถอยหลังกราวรูดในความพยายามรณรงค์ต่อสู้คอร์รัปชั่นของประธานาธิบดีซูซิโล ซึ่งมีการตีฆ้องร้องป่าวอย่างเอิกเกริก