เอเอฟพี - ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เตือนวันนี้(28) จากการที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าหนักหน่วงเป็นประวัติการณ์ และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังขยับสูง บรรดาระบบเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออก จึงจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือกับการที่ค่าเงินดอลลาร์อาจจะ "พังครืน" ลงมา
"ภาวะช็อกใดๆ ที่กระหน่ำใส่เศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือใส่ตลาดทั่วโลก อาจจะส่งผลเปลี่ยนแปลงความรับรู้เข้าใจของพวกนักลงทุน เมื่อคำนึงถึงความไม่สมดุลทางบัญชีเดินสะพัดทั่วโลก ซึ่งปรากฏอยู่ในเวลานี้" มาซาฮิโร คาวาอิ ผู้อำนวยการฝ่ายบูรณาการเศรษฐกิจในภูมิภาคของเอดีบี กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น
"คำแนะนำของเราต่อบรรดาประเทศเอเชียก็คือ อย่าได้ถือเอาการส่งเงินเข้าไปช่วยเหลือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เป็นสิ่งซึ่งต้องทำอย่างไม่อาจยุติได้ ทั้งนี้ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาแล้ว ระบบเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกจะต้องตระเตรียมให้พร้อมเพื่อรับมือ" เขาเตือน
คาวาอิกล่าวต่อไปว่า เนื่องจากระบบเศรษฐกิจต่างๆ ในเอเชียตะวันออก มีลักษณะที่พึ่งพาอาศัยกันอย่างสูง ดังนั้นหากประเทศต่างๆ สามารถทำงานด้วยกัน เพื่อเปิดทางให้สกุลเงินตราของพวกเขาปรับเพิ่มค่าขึ้นไปด้วยกัน เมื่อแลกเปลี่ยนกับเงินดอลลาร์ซึ่งกำลังหล่นวูบลงมาแล้ว ต้นทุนของการปรับตัวก็จะมีการกระจายตัวแบ่งสรรกันแบกรับ
"ความเป็นไปได้ของเงินดอลลาร์ที่จะพังครืนลงมา หรือทรุดตัวอย่างแรงๆ ในเวลานี้อาจจะมีเพียงเล็กน้อย แต่(ถ้าเกิดขึ้น) มันจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนผันผวนอย่างสำคัญมาก ดังนั้น บรรดาระบบเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออก ... จึงควรเตรียมพร้อมรับมือเรื่องเช่นนี้" คาวาอิแจกแจง
เอดีบีเองเวลานี้กำลังดำเนินการจัดทำดัชนีชี้วัดค่าสกุลเงินตราในเอเชีย ซึ่งสามารถนำมาใช้ช่วยติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนได้ ในกรณีที่เงินดอลลาร์มีค่าทรุดฮวบ ถึงแม้วัตถุประสงค์หลักของการทำดัชนีเหล่านี้คือ เพื่อช่วยพัฒนาตลาดพันธบัตรในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม เอดีบียังคงกำลังพยายามตัดสินใจในเรื่องหน่วยเงินตราเอเชีย (เอซียู) ซึ่งจะเป็นระบบตะกร้าเงินอันประกอบด้วยเงินตราสกุลต่างๆ ในเอเชียในสัดส่วนน้ำหนักแตกต่างกันไป เนื่องจากมีการถกเถียงกันอยู่มาก ในเรื่องเอซียูควรรวมเอาสกุลเงินดอลลาร์เอ็นทีไต้หวัน และดอลลาร์ฮ่องกงเข้าไว้ด้วยหรือไม่
เอดีบีดูเหมือนเคยมุ่งหวังที่จะเปิดตัวเอซียู ก่อนการประชุมประจำปีของธนาคารในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่คาวาอิบอกว่า เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
คาวาอิพยายามชี้ด้วยว่า เอซียูยังไม่ได้มีฐานะเป็นทางการเหมือนกับหน่วยเงินตรายุโรป(อีซียู) ซึ่งเกิดขึ้นมาราว 20 ปีก่อนพัฒนาคลี่คลายไปสู่สกุลเงินยูโรในปี 1999
"ภาวะช็อกใดๆ ที่กระหน่ำใส่เศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือใส่ตลาดทั่วโลก อาจจะส่งผลเปลี่ยนแปลงความรับรู้เข้าใจของพวกนักลงทุน เมื่อคำนึงถึงความไม่สมดุลทางบัญชีเดินสะพัดทั่วโลก ซึ่งปรากฏอยู่ในเวลานี้" มาซาฮิโร คาวาอิ ผู้อำนวยการฝ่ายบูรณาการเศรษฐกิจในภูมิภาคของเอดีบี กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น
"คำแนะนำของเราต่อบรรดาประเทศเอเชียก็คือ อย่าได้ถือเอาการส่งเงินเข้าไปช่วยเหลือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เป็นสิ่งซึ่งต้องทำอย่างไม่อาจยุติได้ ทั้งนี้ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาแล้ว ระบบเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกจะต้องตระเตรียมให้พร้อมเพื่อรับมือ" เขาเตือน
คาวาอิกล่าวต่อไปว่า เนื่องจากระบบเศรษฐกิจต่างๆ ในเอเชียตะวันออก มีลักษณะที่พึ่งพาอาศัยกันอย่างสูง ดังนั้นหากประเทศต่างๆ สามารถทำงานด้วยกัน เพื่อเปิดทางให้สกุลเงินตราของพวกเขาปรับเพิ่มค่าขึ้นไปด้วยกัน เมื่อแลกเปลี่ยนกับเงินดอลลาร์ซึ่งกำลังหล่นวูบลงมาแล้ว ต้นทุนของการปรับตัวก็จะมีการกระจายตัวแบ่งสรรกันแบกรับ
"ความเป็นไปได้ของเงินดอลลาร์ที่จะพังครืนลงมา หรือทรุดตัวอย่างแรงๆ ในเวลานี้อาจจะมีเพียงเล็กน้อย แต่(ถ้าเกิดขึ้น) มันจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนผันผวนอย่างสำคัญมาก ดังนั้น บรรดาระบบเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออก ... จึงควรเตรียมพร้อมรับมือเรื่องเช่นนี้" คาวาอิแจกแจง
เอดีบีเองเวลานี้กำลังดำเนินการจัดทำดัชนีชี้วัดค่าสกุลเงินตราในเอเชีย ซึ่งสามารถนำมาใช้ช่วยติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนได้ ในกรณีที่เงินดอลลาร์มีค่าทรุดฮวบ ถึงแม้วัตถุประสงค์หลักของการทำดัชนีเหล่านี้คือ เพื่อช่วยพัฒนาตลาดพันธบัตรในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม เอดีบียังคงกำลังพยายามตัดสินใจในเรื่องหน่วยเงินตราเอเชีย (เอซียู) ซึ่งจะเป็นระบบตะกร้าเงินอันประกอบด้วยเงินตราสกุลต่างๆ ในเอเชียในสัดส่วนน้ำหนักแตกต่างกันไป เนื่องจากมีการถกเถียงกันอยู่มาก ในเรื่องเอซียูควรรวมเอาสกุลเงินดอลลาร์เอ็นทีไต้หวัน และดอลลาร์ฮ่องกงเข้าไว้ด้วยหรือไม่
เอดีบีดูเหมือนเคยมุ่งหวังที่จะเปิดตัวเอซียู ก่อนการประชุมประจำปีของธนาคารในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่คาวาอิบอกว่า เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
คาวาอิพยายามชี้ด้วยว่า เอซียูยังไม่ได้มีฐานะเป็นทางการเหมือนกับหน่วยเงินตรายุโรป(อีซียู) ซึ่งเกิดขึ้นมาราว 20 ปีก่อนพัฒนาคลี่คลายไปสู่สกุลเงินยูโรในปี 1999