เอเอฟพี - กองทัพอินโดนีเซีย เริ่มถอนทหารชุดสุดท้ายออกจากจังหวัดอาเจะห์วันนี้ (20) หลังฝ่ายกบฏยอมวางอาวุธ และส่งมอบให้คณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติตามข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งถือเป็นการปิดฉากหนึ่งในสงครามกลางเมืองที่ยาวนานที่สุดของเอเชียอย่างสมบูรณ์
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย กล่าวว่า ทหารชุดสุดท้าย 1,620 คน และรถถังอีก 6 คัน อยู่ระหว่างการถอนกำลังมายังเรือขนาดใหญ่สองลำ ซึ่งทอดสมอรออยู่ที่ท่าเรือโลห์คซิวมาวี ในจังหวัดอาเจะห์ ทางปลายเกาะด้านทิศเหนือของสุมาตรา ทั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามข้อตกลงสันติภาพที่กรุงจาการ์ตา ได้ลงนามร่วมกับตัวแทนฝ่ายกบฏจากขบวนการอาเจะห์เสรี (แกม) ในกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว กองทัพอินโดนีเซีย จะทยอยถอนกองกำลังออกจากจังหวัดซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติแห่งนี้ เพื่อแลกกับการที่ฝ่ายกบฏซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มแกม ยอมส่งมอบอาวุธให้กับหน่วยงานกลางจากองค์กรระหว่างประเทศ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังคณะผู้สังเกตการณ์อาเจะห์ (เอเอ็มเอ็ม) ออกแถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่า แกมได้ส่งมอบอาวุธ เครื่องกระสุน ตลอดจนวัตถุระเบิดชุดสุดท้ายให้กับทางการครบตามจำนวนที่ระบุไว้ในข้อตกลง ซึ่งมีทั้งสิ้น 840 ชิ้น เรียบร้อยแล้ว
ด้านกองทัพอินโดนีเซีย ระบุว่า กองทัพจะเดินหน้ากระบวนการถอนทหารชุดที่สี่ ซึ่งถือเป็นชุดสุดท้ายออกจากอาเจะห์ต่อไป แม้มองว่า อาวุธที่กบฏส่งมอบคืนทางการ หากตัดสินตามมาตรฐานของฝ่ายตนแล้วจะมีเพียง 769 ชิ้นก็ตาม
ทั้งนี้ แกม คณะผู้สังเกตการณ์ และกองทัพอิเหนา มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ของอาวุธ ซึ่งฝ่ายกบฏต้องส่งมอบคืนทางการตามข้อตกลงสันติภาพ แต่ถึงกระนั้น ความขัดแย้งนี้ไม่ถือเป็นอุปสรรคร้ายแรง ในทางกลับกันกระบวนการดังกล่าวกลับดำเนินไปได้ราบรื่นกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ปีเตอร์ เฟธ หัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติ กล่าวหลังประกาศให้แกมส่งมอบอาวุธครบตามกำหนด ว่า แกมมีแผนทำหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร ว่า บรรดาอดีตนักรบของตนยอมวางอาวุธทั้งหมด อีกทั้งยังจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของกองทัพ ซึ่งต้องการให้ฝ่ายกบฏส่งมอบอาวุธที่หลงเหลือเพิ่มเติม ภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง มองว่า ความท้าทายต่อไปหลังการวางอาวุธ และถอนทหารจบสิ้น คือ การหางานให้บรรดานักรบปลดระวาง ตลอดจนสร้างความพึงพอใจให้กับฝ่ายกบฏ ซึ่งแสดงความจำนงอยากเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองในอาเจะห์