ตร.นิวออร์ลีนส์กระหน่ำชกคนเมา โปรดิวเซอร์ทีวีโดนหางเลข

เอพี – เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองนิวออร์ลีนส์กระหน่ำชกคุณลุงผิวสีวัย 64 ปีที่ต้องสงสัยมึนเมาในที่สาธารณะ พร้อมจับทุ่มลงพื้น ส่วนโปรดิวเซอร์สถานีข่าวเอพีถูกห้ามไม่ให้บันทึกเหตุการณ์พร้อมผลักอกและด่าเสียๆหายๆ ส่งผลตำรวจ 3 นายถูกสั่งพักงานด่วน

ภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์เอพีเผยภาพตำรวจนิวออร์ลีนส์ 2 คนกระหน่ำชกโรเบิร์ต เดวิสชายชราผิวสีมากกว่า 4 ครั้งเมื่อคืนวันเสาร์ (8) หลังจากที่ชายคนดังกล่าวถูกตรวจค้นขณะยืนอยู่ด้านหน้าบาร์แห่งหนึ่งถนนบูร์บอง เมื่อชายชราขัดขืนการจับกุม ตำรวจอีก 2 คนเข้ามารุมกระชากเดวิสให้นอนลงกับพื้น

หลังจากนั้นหนึ่งในกลุ่มตำรวจใช้หัวเข่ากดเดวิสไว้และชกลงไปอีก 2 ครั้ง ทำให้หน้าของชายเคราะห์ร้ายนี้ถูกกดแนบลงกับทางเท้า พร้อมทั้งมีเลือดไหลออกมากบปาก และเปื้อนเสื้อ แขนขณะที่บางส่วนไหลลงบนพื้นไปที่ทางระบายน้ำ

ท่ามกลางความชุลมุนที่เกิดขึ้นอยู่นั้น นายตำรวจรายที่ห้าเดินเข้ามาที่ริช แม็ทธิวส์โปรดิวเซอร์สถานีโทรทัศน์เอพีพร้อมกับสั่งให้ช่างกล้องหยุดการถ่ายภาพวิดีโอ แต่ระหว่างที่แม็ทธิวส์อธิบายว่าตนกำลังทำงานและได้รับอนุญาตในการถ่ายทำกลับถูกผลักออกไปติดกับรถคันหนึ่ง พร้อมทั้งต่อยท้องและด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ทั้งนี้ภายหลังทราบว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ชื่อเอส.เอ็ม.สมิธ

ตำรวจเผยว่าเดวิสถูกควบคุมตัวเนื่องจากเมาในที่สาธารณะ พร้อมทั้งยังขัดขืนการจับกุม ทำร้ายและขู่เจ้าหน้าที่ ซึ่งภายหลังจากที่เข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวต่อไป

เจ้าหน้าที่ที่เข้าควบคุมตัวเดวิสในครั้งนี้จำนวน 3 คนเป็นตำรวจของเมืองนิวออร์ลีนส์ ส่วนอีก 2 คนคาดว่าเป็นตำรวจจากส่วนกลาง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งมาทำหน้าที่ลาดตระเวนไปทั่วเมืองอย่างเข้มงวด หลังจากที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มกลับไปยังที่พักอาศัยภายหลังถูกพายุแคทรินาพัดถล่ม

ตำรวจต้องทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำในช่วงที่ประชาชนอพยพออกจากเมืองเพื่อตรวจตราทรัพย์สินและบ้านเรือนของประชาชนไม่ให้โจรผู้ร้ายเข้าปล้น ตำรวจบางรายต้องนอนในรถและเฝ้าระวังอยู่ 24 ชั่วโมง ขณะที่ตำรวจเมืองนิวออร์ลีนส์ถึง 3 ใน 4 ที่สูญเสียบ้านเรือนและครอบครัว ทำให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเครียด ทั้งนี้มีตำรวจอย่างน้อย 2 คนที่ปลิดชีพตัวเองในช่วงเวลาดังกล่าว

ด้านร.ต.อ.มาร์ลอน เดฟิลโลเผยว่ากรณีดังกล่าวจะต้องมีการสอบสวนทางวินัยอย่างแน่นอน และในขณะนี้ตำรวจ 3 คนถูกสั่งพักงานแล้ว นอกจากนี้ยังยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบ่งแยกสีผิว