xs
xsm
sm
md
lg

ตุรกีกับการทำฝันให้เป็นจริง

เผยแพร่:   โดย: อีห์ซาน อาห์รารี

โดย อีห์ซาน อาห์รารี

ซามูเอล ฮันติงตัน (ผู้เขียนเรื่อง ‘การปะทะกับของอารยะธรรม’ ที่โด่งดัง) แนะว่า ตุรกีควรเลิกความตั้งใจ ที่จะสมัครเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) แล้วหันไปทำอย่างอื่นดีกว่า ฮันติงตันเป็นปัญญาชน ที่โลกมุสลิมเกลียด แต่เขาเป็นผู้วางแนวคิดที่ทรงอิทธิพล เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ที่ยังคงโด่งดังในยุคของเรานี้ (ถึงหลายคนจะคิดต่างออกไป) ดังนั้น คำแนะนำของศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดผู้นี้ จึงควรจะนำมาไตร่ตรองอย่างยิ่ง

ฮันติงตันอยู่ระหว่างเยือนตุรกี เขาบอกว่า “ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา และเศรษฐกิจของตุรกี แตกต่างมากกับอียู โอกาสที่อียูจะให้เป็นสมาชิก จึงไม่มีเลย” แล้วทางเลือกอื่นของตุรกี หละ ? เขาเห็นว่า ตุรกีควรหันไปทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คือถ้าไม่กลับไปเป็นผู้นำโลกอิสลาม ก็หันไปใช้นโยบายชาตินิยมดีกว่า หากเลือกเอาอย่างหลัง ก็จะต้องเลิกความคิดสองอย่างแรกไปให้หมด สนใจอยู่แต่ความมั่นคง และการพัฒนาประเทศตนอย่างเดียว

เราควรดูข้อเสนอแนะต่อตุรกีของเขา ให้ละเอียด อาการเกือบหมกมุ่นของรัฐบาลตุรกี ที่อยากจะเป็นสมาชิกอียู อาจมาจากความรู้สึกต่ำต้อยลึก ๆ อันสืบเนื่องมาจากมรดก ที่แนวคิดแบบเคมาล ทิ้งเอาไว้ให้ (ปรัชญาการเมืองของมุสตาฟาห์ เคมาล อตาเติร์ก บิดาของตุรกียุคใหม่) ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1920s อตาเติร์กชี้ว่า เหตุที่ตุรกีล้าหลัง ก็เพราะศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะความไม่เต็มใจที่จะอยู่ร่วม สามัคคีกับคนศาสนาอื่น หรือการเมืองอื่น อันเป็นเหตุผลแบบครอบจักรวาล ที่ทำให้เวลานั้น ตุรกีเป็น ‘คนป่วยของยุโรป’

กล่าวโดยสรุปก็คือ อตาเติร์ก วิจารณ์ความเบาปัญญา ที่อาณาจักรอ๊อตโตมาน (สุดยอดแห่งวัฒนธรรมใต้ร่มธงอิสลาม) ทิ้งไว้ให้ตุรกี โดยเฉพาะการใช้ความเป็น ‘กาลิปห์’ สร้างความชอบธรรม ให้กับการนำโลกอิสลาม แต่แทนที่จะนำชาวมุสลิมทั้งปวง ให้เคร่งศาสนา อุทิศตนให้พระเจ้าและอิสลาม ให้สมกับการเป็นกาลิปห์จริง ๆ แต่ผู้นำอาณาจักรอ๊อตโตมานเหล่านั้น กลับยึดถือการปกครองไพร่ฟ้าตามแบบเก่า ๆ

ดังนั้น ตอนที่อาณาจักรอ๊อตโตมานเริ่มเสื่อม สาเหตุส่วนใหญ่ จึงไม่ใช่มาจากศาสนาอิสลาม หากแต่มาจากการที่อาณาจักรนั้น ไม่สามารถปรับตัวให้ทัน กับคุณสมบัติอื่น ๆ ของการเป็นมหาอำนาจ ที่สำคัญที่สุดคือ การปฏิวัติทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของยุคสมัยนั้น ขณะที่เกาะอังกฤษ กับประเทศเล็ก ๆ อย่างเนเธอร์แลนด์ สามารถแผ่อาณาจักรทางทะเล ออกไปจนสุดโลก อาณาจักรอ๊อตโตมาน กลับหลับใหลอยู่ในความรุ่งเรืองแห่งอดีตกาล

ดังนั้น ตอนที่อตาเติร์ก พยายามสืบค้น สาเหตุที่แท้จริงแห่งความล่มสลาย ของอาณาจักรอ๊อตโตมาน จิตนาภาพของเขา (หรือบางที อาจจะไม่มีจินตนาภาพ) กลับไปจมปลัก อยู่กับการที่ผู้นำอาณาจักรในอดีต ไม่สามารถแยกศาสนา ให้ห่างออกจากการเมืองได้ ผลก็คือ เขาเลยไม่สามารถคาดการณ์ ถึงชะตากรรมที่น่าขมขื่น ที่จะกระทบมาถึงส่วนต่าง ๆ ที่เหลือ ของอาณาจักรในช่วงนั้น ๆ (ต้น 1920s) เขายังเห็นว่าอิสลามเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้อาณาจักรอ๊อตโตมานล้าหลัง จึงหันหน้าไปหา ‘ศาสนาใหม่’ ซึ่งก็คือ ‘ฆราวาสนิยม’ (แยกอาณาจักรออกมาจากศาสนจักร) นั่นเอง

ตุรกีต้องจ่ายให้กับการตัดสินใจ เมื่อปี 1923 (ยกเลิกการปกครองแบบกาลิปห์ แล้วหันไปสร้างรัฐชาติในแนวฆราวาส) ตุรกีอาจได้รับการนับถือจากประเทศมุสลิมอื่น ๆ ว่าเป็นแบบอย่างในความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริง ตุรกียังหาเอกลักษณ์ของตนไม่เจอ บางครั้งก็อยากเข้าร่วมกับยุโรป บางทีก็ชำเลืองมองโลกอิสลาม เพื่อจะหวนกลับไปนำพวกเขาอีก ประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ไม่อยากให้สมาชิกภาพ เพราะความเป็นประเทศมุสลิม (เหตุผลอย่างเป็นทางการคือ มีทหารอยู่ในไซปรัสเหนือ และมีประวัติไม่ดี เรื่องสิทธิมนุษยชน) ส่วนโลกอิสลามก็เห็นว่า ตุรกีไม่ค่อยให้ความสลักสำคัญ ขาดร่วมสมาคมกับพวกตนมานาน

ปัจจุบัน ตุรกียังคงทนทุกข์อยู่กับบุคลิกภาพ ที่แตกแยกกัน คือประชาชนอยากเป็นมุสลิมที่เคร่ง แต่ชนชั้นผู้นำระดับหัวกระทิ ต้องการเป็นแบบฆราวาสนิยม ขณะที่ชนชั้นนำเห็นว่าการเป็นสมาชิกอียู เป็นหน้าเป็นตา เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่คนส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นเพียงหนทาง ที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่เท่านั้น ดังที่รายงานบทหนึ่ง ในปี 2002 กล่าวว่า “สาธารณะชนในตุรกี ที่ต้องเผชิญวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เห็นว่าการเข้าเป็นสมาชิกอียู เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความมั่งคั่ง เป็นแนวทางต่อต้านคอร์รับชั่น และส่งเสริมชีวิตประชาธิปไตย แต่ชาวตุรกีร้อยละ 90 ไม่ค่อยพอใจกลไกระบอบประชาธิปไตย สรุปก็คือ การเป็นสมาชิกอียู เป็นโครงการประชาธิปไตยแบบหนึ่ง”

สำหรับประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ เกือบจะไม่เห็นหลักฐานใด ๆ เลยว่า ชาวมุสลิมของพวกเขาชื่นชอบรัฐบาลแนวฆราวาสของตุรกี มีแต่ประธานาธิบดี เปอร์เวช มูชาร์ราฟ แห่งปากีสถานเท่านั้น ที่บอกว่าชอบตุรกี อาจจะเป็นไปได้ว่าที่ชอบ เพราะเคยใช้ชีวิตในวัยเด็ก ที่ประเทศนั้น (บิดาเขาทำงานในสถานทูตปากีสถาน ในตุรกี) ในปี 1999 ทันทีที่ทำรัฐประหาร ขับไล่นาวาซ ชาห์รีฟสำเร็จ เขาเดินทางตุรกี แล้วแสดงท่าทีนิยมยกย่องอตาเติร์ก แล้วเอาตัวเองไปเปรียบกับนายพลเคนาน เอฟเรน ที่ทำรัฐประหาร โค่นบูเลนท์ อีเซวิต กับสุไลมาน เดมิเรล ในปี 1980 ไม่ต้องบอกก็ได้ว่า กองทัพตุรกีไม่ได้ดีใจอะไรเลย ตอนที่มูชาร์ราฟยกเอาเรื่องในอดีต ตอนที่ตนทำรัฐประหารโค่นระบอบประชาธิปไตย ขึ้นมาเตือนความทรงจำ แม้แต่การที่มูชาร์ราฟกล่าวว่า ตนชอบอตาเติร์ก ก็ถูกพวกมุสลิมหัวแข็งวิจารณ์เอาอย่างเสีย ๆ หาย ๆ

การที่แนะให้ตุรกี เล่นบทบาทนำในโลกมุสลิมนั้น ฮันติงตัน คงหมายจะให้ตุรกีเป็นแบบอย่างของประเทศ ที่ยึดประชาธิปไตยแนวฆราวาสเป็นหลัก เขาอาจไม่ทันตระหนักว่า ในสายตาชาวมุสลิม อาจจะมีเพียงสหรัฐ และยุโรปประเทศต่าง ๆ เท่านั้น ที่ชอบการที่ตุรกี เป็นแนวฆราวาส ไม่มีประเทศมุสลิมใด ๆ เลยที่คิดจะเลียนแบบแนวฆราวาสของตุรกี โดยเฉพาะยุคหลังตาลีบัน และยุคหลังซัดดัม

ที่จริง ข้อเสนอข้อสุดท้ายของฮันติงตัน ที่ว่าให้รวมศูนย์ที่ชาตินิยม เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการพัฒนา อาจจะถูกก็ได้ ตุรกีฟื้นตัวจากเถ้าถ่าน ของอาณาจักรอ๊อตโตมัน ขึ้นมาเป็นรัฐชาติ ในฐานะที่เคยเป็นอาณาจักรมาก่อน ตุรกีจึงฝัน อยากกลับมาเป็นอย่างเก่าอีก ถึงปัจจุบันนี้ ความฝันนั้นอาจจะไกลเกินเอื้อม แต่มันก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว ถึง 2 ประเทศ คือจีนกับอินเดีย ที่โตขึ้นมาจากความยากจนข้นแค้น ทั้งสองต่างศาสนา ต่างอารยะธรรม และต่างระบบการเมือง แต่ตุรกีก็มีพื้นฐานเหมือนจีนกับอินเดีย นั่นคือความทะเยอทะยาน และความใฝ่ฝัน รัฐบาลตุรกีต้องศึกษาพิมพ์เขียว ของสองประเทศนี้ให้ดี ว่าทั้งสองทำเศรษฐกิจการเมืองแบบไหน ถึงได้ส่งผลไปยังเศรษฐกิจ และใช้พลังทางเศรษฐกิจอย่างไรไปฟื้นฟูแสนยานุภาพทางทหาร อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นประชาธิปไตยด้วยกัน อินเดียน่าจะเป็นแบบอย่างตุรกีได้ดี แต่ในทางเศรษฐกิจ ตุรกีต้องศึกษาการพัฒนาของจีน เนื่องจากความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของจีน ดีกว่าอินเดียมาก

หากตุรกีกลายเป็นเศรษฐกิจ และการทหารระดับโลก มันก็น่าจะทำให้ประเทศมุสลิมอื่น ๆ เอาเป็นแบบอย่าง กล่าวในแง่นี้ ถึงจะไม่พูดตรง ๆ ฮันติงตันอาจจะกำลังบอกทางให้ตุรกี มุ่งไปสร้างฝันของตนให้เป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง

Ehsan Ahrari is an independent strategic analyst based in Alexandria, VA, US. His columns appear regularly in Asia Times Online. He is also a regular contributor to the Global Beat Syndicate.
กำลังโหลดความคิดเห็น