ราชรัฐโมนาโกเป็นรัฐเล็กๆ ที่มีประมุขครองราชย์นานที่สุดในยุโรป คือเจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 ซึ่งสิ้นพระชนม์ ในวันที่ 6 เมษายน เมื่อเมื่อเวลา 04.35 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 11.35 น. ตามเวลาในประเทศไทย ต่อไปนี้เป็นเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดินแดนเล็กๆ แห่งนี้
*อยู่ในภาคพื้นทวีปยุโรปตะวันตก ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางใต้ของประเทศฝรั่งเศส ใกล้กับพรมแดนประเทศอิตาลี เป็นรัฐอิสระขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากนครรัฐวาติกัน มีพื้นที่ทั้งหมด 1.95 ตารางกิโลเมตร (ราว 500 เอเคอร์)
*มีประชากรราว 30,000 คน 45% เป็นชาวฝรั่งเศส 15% เป็นชาวโมนาโก 15 %เป็นชาวอิตาลี มีภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ
*มีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ราชรัฐโมนาโกเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1861 และได้แยกตัวเป็นอิสระเมื่อปี 1918 ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในสนธิสัญญาทางมิตรภาพ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1918 สนธิสัญญาดังกล่าวกำหนดภารกิจของฝรั่งเศสที่จะมีหน้าที่ป้องกันเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชรัฐฯ โดยราชรัฐฯ จะต้องใช้สิทธิด้านอธิปไตยอย่างสอดคล้องกับผลประโยชน์ของฝรั่งเศสด้วย รวมทั้งการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทต่างๆ ก็ควรจะมีการหารือกับฝรั่งเศสก่อน และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 และปี 1951 ได้มีการลงนามในข้อตกลงซึ่งมีส่วนแก้ไขจากข้อตกลงฉบับเดิมเพื่อปรับให้เข้ากับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ
* เจ้าชายเรนิเยร์ที่ 3 สืบทอดราชวงศ์มาจากชาวกริมาลดี ซึ่งเข้าครอบครองโมนาโกเมื่อปี 1297 พระโอรสของเจ้าชายเรนิเยร์ คือเจ้าชายอัลแบร์ พระชนมายุ 47 พรรษาจะทรงสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา
* เมื่อเจ้าชายเรนิเยร์ทรงขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการในปี 1950 โมนาโกก็กลายเป็นที่รู้จักขึ้นชื่อจากคาสิโน ซึ่งสร้างความมั่งคั่งมาสู่รัฐเล็กๆ นี้ในศตวรรษที่ 19 จากนั้นเจ้าชายเรนิเยร์ ก็นำประเทศสู่ยุคแห่งการธนาคารและธุรกิจนานาชาติ แต่ภายในทศวรรษ 1990 รายได้จากการพนันของโมนาโกนั้นมีไม่ถึง 5% จากรายได้ทั้งหมดในแต่ละปี ซึ่งเป็นผลพวงของรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม การท่องเที่ยว การค้าและอุตสาหกรรม
* การไม่มีการเก็บภาษีเงินได้และเก็บภาษีจากการประกอบธุรกิจในอัตราต่ำ ทำให้โมนาโกกลายเป็นแดนสวรรค์สำหรับทั้งปัจเจกบุคคลและผู้ประกอบธุรกิจ
ข้อมูล : รอยเตอร์และกระทรวงการต่างประเทศ