รอยเตอร์ - คอนโดลิซซา ไรซ์ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯอ้าง มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า กลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ในซีเรีย ร่วมวางแผนระเบิดพลีชีพในอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะนายกฯอังกฤษร่วมกดดันกรุงดามัสกัสเลิกสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรง
รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯให้สัมภาษณ์โทรทัศน์เอบีซีนิวส์ ระหว่างเยือนกรุงลอนดอน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสนับสนุนการปฏิรูปการเมืองและความมั่นคงในปาเลสไตน์ เมื่อวันอังคาร (1) ว่า "มีหลักฐานแน่นหนาว่ากลุ่มอิสลามิก ญิฮัด ของปาเลสไตน์ ในกรุงดามัสกัส ไม่เพียงรู้เห็นเกี่ยวกับการโจมตี (อิสราเอล) แต่ยังเกี่ยวข้องกับการวางแผนด้วย"
ไรซ์บอกว่า กลุ่มอิสลามิก ญิฮัด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซีเรีย มีส่วนร่วมวางแผนก่อเหตุระเบิดพลีชีพที่ไนต์คลับในกรุงเทลอาวีฟ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีชาวอิสราเอลเสียชีวิต 5 คน
การโจมตีดังกล่าวสั่นคลอนข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่เป็นทางการซึ่งกลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ ได้ให้ไว้กับประธานาธิบดีมะห์มุด อับบาส เมื่อเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังบั่นทอนความสำคัญของการประชุมตะวันออกกลางในกรุงลอนดอนครั้งนี้ด้วย
"เราไม่รู้ว่าซีเรียมีส่วนเกี่ยวข้องมากแค่ไหน แต่ที่แน่นอนคือ สิ่งที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินของซีเรีย ทั้งในและรอบกรุงดามัสกัส กำลังคุกคามตะวันออกกลางในรูปแบบที่แตกต่างกับสิ่งที่พวกเรากำลังพยายามสร้างขึ้น" ไรซ์กล่าว
คำพูดของไรซ์เท่ากับเป็นการเพิ่มแรงกดดันไปยังรัฐบาลซีเรีย ให้ยุติสิ่งที่สหรัฐฯกล่าวหาว่าเป็นการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์และผู้ก่อความไม่สงบในอิรัก ตลอดจนเรียกร้องให้กรุงดามัสกัสถอนทหาร 14,000 นาย ออกจากเลบานอน
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ ของอังกฤษ ออกมาร่วมกับนานาชาติกดดันซีเรีย โดยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์การ์เดียน ฉบับวันนี้ (2) ว่า โลกกำลังจับตาดูซีเรียอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเรียกร้องให้กรุงดามัสกัส ยึดมั่นในพันธะร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง