เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอเผย เตรียมกดดันเหล่ารัฐมนตรีการค้าเร่งการเจรจาการค้าโลกในการประชุมวันนี้ พร้อมเรียกร้อง "พันธะสัญญา" อันเป็นรูปธรรมภายในช่วงฤดูร้อนนี้
ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ว่า จะหารือบางประเด็นหลักระหว่างการประชุมย่อยของบรรดารัฐมนตรีพาณิชย์ในวันนี้ (29) ที่ดาวอส
ทั้งนี้ผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอหวังว่า บรรดารัฐมนตรีจะ "ผูกมัดตนเองมากเท่าที่จะเป็นไปได้" เพื่อผลักดันการเจรจารอบโดฮา พร้อมเสริมว่า ต้องการให้ระบุวัตถุประสงค์สำหรับการเจรจาการค้าภายในวันที่ 14 เดือนหน้า ซึ่งเป็นวันประชุมของคณะกรรมการการเจรจาการค้าที่เจนีวา ตลอดจนระบุมุมมองการประชุมระดับรัฐมนตรีที่ฮ่องกงในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อหาข้อสรุปร่างข้อตกลงการลดอุปสรรคกีดกันทางการค้าในสินค้าเกษตรไปจนถึงภาคบริการ
ดร.ศุภชัยกล่าวว่า ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่เฝ้ารอความสำเร็จของการเปิดเสรีการค้ารอบใหม่ในปี 2006 โดยมองว่า "พวกเขาก้าวไปข้างหน้า แต่ยังไม่ไกลพอที่จะรับประกันความก้าวหน้าที่แท้จริงในการประชุมที่ฮ่องกง"
เขาเสริมว่า ได้พยายาม "เร่งผลักดัน" และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมทางการเมืองหลังจากทำงานด้านเทคนิคมาหลายเดือน นับตั้งแต่การเจรจารอบโดฮาเผชิญอุปสรรคเมื่อเดือนกรกฎาคมในการประชุมที่เจนีวา
กระนั้นก็ดี เขาเตือนว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเปิดเสรีในปีหน้า ประเทศคู่ค้าจำเป็นต้องมีโครงร่างอันเป็นรูปธรรมสำหรับการเปิดเสรีในหลายอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่สินค้าเกษตรเท่านั้น พร้อมสำทับว่า ต้องได้ข้อสรุปเกณฑ์การเข้าถึงตลาดสินค้าอุตสาหกรรมก่อนช่วงฤดูร้อนนี้
ด้านโรเบิร์ต เซลลิก ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างที่อยู่ในดาวอสว่า เขาจะร่วมการประชุมในวันนี้ด้วย เพื่อดูว่าจะเน้นย้ำประเด็นสำคัญของการเจรจารอบโดฮา และผลักดันการประชุมที่ฮ่องกงอย่างไร
อนึ่ง เมื่อวันพฤหัสฯ (27) เคล็ม บูเนแคมป์ ผู้อำนวยการฝ่ายทบทวนนโยบายการค้าของดับเบิลยูทีโอให้สัมภาษณ์ที่เจนีวาว่า ดูเหมือนว่าญี่ปุ่นซึ่งให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรอย่างมาก พร้อมที่จะผลักดันประเด็นปัญหาภาคการเกษตรในการเจรจารอบโดฮา พร้อมเสริมว่า แดนปลาดิบตระหนักว่าภาคเกษตรเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของการเจรจาการค้าเสรี
จับมือออกกฎ
ในวันเดียวกัน ปีเตอร์ แมนเดลสัน กรรมาธิการการค้าสหภาพยุโรป ได้สนับสนุนข้อเรียกร้องของบรรดาผู้นำภาคธุรกิจที่ระบุว่า ต้องการให้มีความร่วมมือด้านกฎระเบียบระหว่างสหรัฐฯและยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดการเงิน
เขาเสริมว่า ยุโรปและอเมริกาต้องผลักดันการเจรจาด้านบริการทางอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงมานาน ตลอดจนสร้างกรอบโครงข้อบังคับร่วมกันในภาคอุตสาหกรรมไฮเทค และจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่า การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดไม่ก่อให้เกิดความล่าช้าต่อกระบวนการออกวีซ่า ขั้นตอนศุลกากร หรือ การควบคุมการส่งออก
อนึ่ง การค้าระหว่างสหรัฐฯและยุโรปมีมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะที่การลงทุนระยะยาว การผลิต การวิจัย และนวัตกรรมคิดเป็นมูลค่าปีละ 2 ล้านล้านดอลลาร์