xs
xsm
sm
md
lg

ลีกวนยูชี้'บุช'สบช่องแก้ตอ.กลางผู้นำอิเหนา-มาเลย์ทำเอเชียสดใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - "ลีกวนยู"ระบุ ประธานาธิบดีบุชมีโอกาสดีในการแก้ปัญหาตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ผู้ก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทำนายอนาคตภูมิภาคจะมีเสถียรภาพและความรุ่งเรือง สืบเนื่องจากผลการเลือกตั้งผู้นำในอินโดฯ และมาเลเซีย

รัฐบุรุษอาวุโสของสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง "รัฐมนตรีผู้ชี้แนะ" ในรัฐบาลของบุตรชาย คือ นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง กล่าวระหว่างการประชุมสมาคมผู้สื่อข่าวต่างชาติในแดนลอดช่อง เมื่อวันจันทร์ (20) ว่า "สี่ปีต่อไปของจอร์จ ดับเบิลยู. บุช (ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ) อาจนำมาซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุด หากปัญหาในอิรักและอิสราเอล/ปาเลสไตน์ พลิกกลับไปในทางที่ถูกต้อง"

"ความสำเร็จของการเลือกตั้งรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายในอิรัก บวกกับการแก้ไขปัญหา 2 รัฐ ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ จะทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น"

กระนั้น ผู้ก่อตั้งสิงคโปร์ วัย 81 ปี เผยว่า "เรื่องนี้อาจกลายเป็นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดก็ได้ หากทั้งสองสถานการณ์ย่ำแย่ลง" โดยเฉพาะในอิรัก

ลีกล่าวต่อว่า หลังชนะการเลือกตั้งสมัยที่สองเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บุชจะเป็นผู้นำฝ่ายบริหารชุดใหม่ ซึ่งยึดมั่นในนโยบายหนึ่งเดียว และเรียนรู้บทเรียนจากความผิดพลาดในอดีต

เขามองว่า บุชไม่มีท่าทีโน้มเอียงแบบตัดช่องน้อยแต่พอตัว และรีบเร่งถอนทหารออกจากอิรักเมื่อสบโอกาส เนื่องจากการทำเช่นนั้นเท่ากับปล่อยให้โลกเผชิญอันตรายมากขึ้น และว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "มีโอกาสพิเศษในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่หยั่งรากลึกไปทั่วตะวันออกกลาง"

ส่วนสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ลีพูดถึงชัยชนะของประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ของอินโดนีเซีย และนายกฯอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี แห่งมาเลเซีย สองมุสลิมสายกลางนักปฏิรูป ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

"ผลการเลือกตั้งผู้นำในสหรัฐฯ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยนโยบายของพวกเขาจะสนับสนุนการมีเสถียรภาพและการเจริญเติบโต"

อย่างไรก็ดี ลีเตือนว่า การก่อการร้ายถือเป็นปัญหาระยะยาว ที่ลุกลามจากตะวันออกกลางสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และว่า "เราต้องตอบโต้และเผยให้เห็นความล้มเหลว (ของการก่อการร้าย) ในตะวันออกกลางเสียก่อน จึงจะสามารถทำให้เหล่าสาวกในเอเชียเริ่มอ่อนแอ และตระหนักว่าพวกเขาไม่มีทางได้ชัยชนะ"

ขณะเดียวกัน ลียังพูดถึงผลการสำรวจของ "นักข่าวไร้พรมแดน" องค์กรพิทักษ์สื่อมวลชนในกรุงปารีส ซึ่งจัดให้สิงคโปร์ อยู่ในอันดับเกือบรั้งท้ายด้านเสรีภาพสื่อฯในปีล่าสุดว่า "พวกคุณเชื่อจริงๆหรือว่าเราอยู่ลำดับเดียวกับเกาหลีเหนือ"

ทั้งนี้ จากการสำรวจดัชนีเสรีภาพสื่อมวลชนทั่วโลกปี 2004 สิงคโปร์ หนึ่งในชาติมั่งคั่งที่สุดของเอเชีย ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 147 ต่ำกว่าภูฐาน และเหนือกว่าอิรักเล็กน้อย ส่วนเกาหลีเหนือ อยู่อันดับท้ายสุด คือ 167

ถึงกระนั้น ลีซึ่งเป็นผู้ริเริ่มออกกฎควบคุมการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชนต่างชาติ กล่าวย้ำว่า สิงคโปร์จะยังคงเข้มงวดกับการเสนอข่าวที่ก้าวก่ายกิจการภายในประเทศของตน พร้อมกับเสนอแนะให้สื่อมวลชน ควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจงความถูกต้องของเรื่องต่างๆให้มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น