รอยเตอร์ / เอเอฟพี - ลีกวนยู รัฐบุรุษอาวุโสของสิงคโปร์ เสนอรัฐบาลแดนลอดช่องเพิ่มอายุวัยปลดเกษียณให้สูงกว่า 62 ปี เพื่อลดภาระค่ารักษาพยาบาล และแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานวัยหนุ่มสาว
หนังสือพิมพ์สเตรทส์ ไทมส์ รายงานวันนี้ (9) ว่า อดีตนายกฯลีกวนยู วัย 81 ปี ต้องการให้ประชาชนสามารถทำงานต่อไปได้แม้เลยวัย 62 ปี แต่อาจได้ค่าจ้างลดลงตามความกระฉับกระเฉงของร่างกายที่หดหายไป
"ผมกำลังพยายามร่างแผนการ ซึ่งหวังว่าคณะรัฐมนตรีจะเห็นด้วยในที่สุด นั่นคือ เมื่อพวกคุณค่อยๆแก่ตัวลง คุณจะได้น้อยลง (เงินเดือน) ทว่ายังสามารถทำงานต่อไปได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน" ลีซึ่งก้าวลงจากเก้าอี้นายกฯในวัย 67 ปี ตั้งแต่ปี 1990 กล่าวต่อที่ประชุมสหภาพแรงงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
"รัฐบาลให้ความสนใจเรื่องนี้ เพราะหากไม่ยืดอายุวัยทำงานออกไป คุณจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ด้านการจัดการค่ารักษาพยาบาล" ลีเผยหลังมีรายงานว่า จำนวนประชากรผู้สูงวัยในสิงคโปร์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่า ผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี อาจสูงถึง 800,000 คน หรือเกือบ 4 เท่า ภายในปี 2030 ขณะที่การเติบโตของประชากรวัยทำงานไม่สามารถทดแทนได้เพียงพอ
ด้านสหประชาชาติเตือนว่า หากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ภายในปี 2030 ประชากรวัย 15 - 24 ปี อาจลดลงเหลือเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศ และนั่นจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา เกี่ยวกับจำนวนวัยรุ่นซึ่งถือเป็นแรงงานสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของชาติ
กระนั้น ลีซึ่งปัจจุบันยังคงมีบทบาททางการเมืองในฐานะรัฐมนตรีผู้ชี้แนะ ระบุว่า หนึ่งในอุปสรรคของแผนการเพิ่มอายุผู้ปลดเกษียณ คือ ความเชื่อของนายจ้าง ที่มองว่า พนักงานอายุมากอาจทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง ซึ่งในกรณีนี้ เขาได้ยกตัวอย่างอาชีพของตัวเองเพื่อรับประกันว่า ผู้สูงวัยยังเป็นบุคคลที่มีคุณค่า
"ผมโชคดีที่มีคุณพ่ออายุเกิน 90 ปี และผมไม่เคยทำร้ายสังขารตนเองโดยไม่จำเป็น ดังนั้น หากผมต้องเกษียณในวัย 62 ปี มันคงเป็นเรื่องที่แย่มากจริงๆ" อดีตผู้นำวัย 81 ปี กล่าว หลังรัฐบาลสิงคโปร์เพิ่มเกณฑ์ปลดเกษียณจากวัย 60 ปี เป็น 62 ปี ตั้งแต่ปี 1999