เอเอฟพี – กลุ่มเฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนในสหรัฐ ฯ ออกโรงเตือนเมื่อวันอังคาร (31) ว่า กรณีชินคอร์ปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนักข่าว รวมทั้งการเพิ่มความกดดันต่อสื่อของรัฐบาลนั้น เป็นการคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชนไทย
กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น อาณาจักรธุรกิจให้บริการด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมที่ก่อตั้งโดยนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร แต่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของเครือญาติได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 400 ล้านบาทจากสุภิญญา กลางนรงค์ แกนนำองค์กรรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (ซีพีเอ็มอาร์) และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง
ชิน คอร์ปอ้างว่าบทความที่สุพินญาเขียนลงในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เมื่อปีก่อนที่ว่าบริษัทเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์รายหลักจากนโยบายของทักษิณนั้น เป็นการทำลายชื่อเสียงและความมั่นคงทางการเงินของบริษัทอย่างมาก
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการกลุ่มเฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนภาคพื้นเอเชีย กล่าวว่า เมื่ออดีตนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับนายกรัฐมนตรีเช่นนี้ ย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ
อดัมส์เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้สูญเสียความเข้มแข็งในเรื่องเสรีภาพของสื่อที่ครั้งหนึ่งเคยมีนั้นไปเสียแล้ว
สมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทยพบว่ากว่า 3 ปีที่ผ่านมามีรายงานเอกสารต่าง ๆ กว่า 20 กรณีที่บรรณาธิการทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อวิทยุโทรทัศน์ถูกไล่ออก หรือไม่ก็โดนโยกย้าย ซึ่งการกระทำที่ก้าวก่ายหน้าที่เช่นนี้ก็เป็นไปเพื่อเอาใจรัฐบาล
บรรดานักหนังสือพิมพ์และบรรณาธิการกล่าวกับกลุ่มเฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนว่าพวกเขาถูกรัฐบาลกดดันให้เลือกนำเสนอข่าว รวมทั้งบิดเบือนข้อมูลที่เกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
นอกจากนี้ รัฐบาลและองค์กรพันธมิตรได้มอบรางวัลให้แก่สื่อที่อยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาล และลงโทษสื่อที่ไม่ทำตัวอยู่ในกรอบที่รัฐบาลกำหนดด้วย
กลุ่มเฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าสำนักข่าวระหว่างประเทศก็ถูกกดดันจากรัฐบาลไทยด้วยเช่นกัน ด้วยการสั่งตรวจสอบใบอนุญาตการทำงานและการต่อสัญญาวีซ่าโดยพลการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันนักข่าวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย
กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น อาณาจักรธุรกิจให้บริการด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมที่ก่อตั้งโดยนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร แต่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของเครือญาติได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 400 ล้านบาทจากสุภิญญา กลางนรงค์ แกนนำองค์กรรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (ซีพีเอ็มอาร์) และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง
ชิน คอร์ปอ้างว่าบทความที่สุพินญาเขียนลงในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เมื่อปีก่อนที่ว่าบริษัทเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์รายหลักจากนโยบายของทักษิณนั้น เป็นการทำลายชื่อเสียงและความมั่นคงทางการเงินของบริษัทอย่างมาก
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการกลุ่มเฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนภาคพื้นเอเชีย กล่าวว่า เมื่ออดีตนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับนายกรัฐมนตรีเช่นนี้ ย่อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ
อดัมส์เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้สูญเสียความเข้มแข็งในเรื่องเสรีภาพของสื่อที่ครั้งหนึ่งเคยมีนั้นไปเสียแล้ว
สมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทยพบว่ากว่า 3 ปีที่ผ่านมามีรายงานเอกสารต่าง ๆ กว่า 20 กรณีที่บรรณาธิการทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อวิทยุโทรทัศน์ถูกไล่ออก หรือไม่ก็โดนโยกย้าย ซึ่งการกระทำที่ก้าวก่ายหน้าที่เช่นนี้ก็เป็นไปเพื่อเอาใจรัฐบาล
บรรดานักหนังสือพิมพ์และบรรณาธิการกล่าวกับกลุ่มเฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนว่าพวกเขาถูกรัฐบาลกดดันให้เลือกนำเสนอข่าว รวมทั้งบิดเบือนข้อมูลที่เกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
นอกจากนี้ รัฐบาลและองค์กรพันธมิตรได้มอบรางวัลให้แก่สื่อที่อยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาล และลงโทษสื่อที่ไม่ทำตัวอยู่ในกรอบที่รัฐบาลกำหนดด้วย
กลุ่มเฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าสำนักข่าวระหว่างประเทศก็ถูกกดดันจากรัฐบาลไทยด้วยเช่นกัน ด้วยการสั่งตรวจสอบใบอนุญาตการทำงานและการต่อสัญญาวีซ่าโดยพลการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันนักข่าวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย