ศาลโลกสั่งยิวรื้อกำแพงในเวสต์แบงค์

เอพี – เมื่อวานนี้ (9) ศาลโลกมีคำสั่งให้อิสราเอลรื้อถอนกำแพงที่อ้างว่าสร้างขึ้นเพื่อป้องกันความปลอดภัยในเขตเวสต์แบงค์ซึ่งยาวถึง 425 ไมล์ และระบุว่าอิสราเอลจะต้องชดใช้ค่าเสียหายและคืนทรัพย์สินที่ยึดมาให้แก่ชาวปาเลสไตน์ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างกำแพง

ศาลสถิตยุติธรรมระหว่างประเทศมีมติโดยเสียงข้างมากว่ากำแพงที่อิสราเอลสร้างขึ้นในเขตเวสแบงค์นั้นละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้จัดเจรจาเพื่อสันติภาพซึ่งจะนำไปสู่การก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์โดยเร็วที่สุดโดยผู้พิพากษาจาก 15 ประเทศเห็นพ้องกันเกือบทั้งหมด มีก็แต่ผู้พิพากษาจากสหรัฐฯเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย

ในคำตัดสินของศาล ซึ่ง ชือ จิวยง ประธานผู้พิพากษาจากจีนอ่านนั้นมีใจความระบุว่า อิสราเอลกำลังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ จำเป็นต้องหยุดก่อสร้างกำแพงในเขตปกครองของชาวปาเลสไตน์ทันที รวมถึงบริเวณรอบๆ กรุงเยรูซาเล็มตะวันออกด้วย

ถึงแม้ว่าคำตัดสินนี้จะยังไม่สามารถใช้บังคับกับอิสราเอลได้ แต่ปาเลสไตน์และสันนิบาตอาหรับกล่าวว่าพวกเขาจะยื่นเรื่องแก่สหประชาชาติเพื่อบังคับให้อิสราเอลยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาล โดยชาติอาหรับกล่าวว่าจะนำเรื่องนี้เสนอต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในสัปดาห์หน้า

ฝ่ายอิสราเอลไม่มีทีท่าว่าจะปฏิบัติตามมติของผู้พิพากษาแต่อย่างใด และอ้างว่ากำแพงนี้มีความจำเป็นต่ออิสราเอลตราบใดที่ยังคงมีการก่อการร้ายของชาวปาเลสไตน์อยู่

ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติเดียวที่ผู้พิพากษาไม่เห็นด้วยกับมติของศาลโลกเห็นว่า คำตัดสินของศาลไม่ใช่วิถีทางที่จะใช้แก้ไขปัญหาทางการเมือง หากแต่การแก้ไขปัญหาการเมืองนั้นจะต้องใช้ข้อตกลงทางการเมืองเท่านั้น

อนึ่ง รัฐบาลอิสราเอลได้สั่งให้สร้างกำแพงในบริเวณเขตเวสต์แบงค์ ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่มากกว่า 200,000 คนทำให้ชาวปาเลสไตน์เหล่านี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ยิ่งกว่านั้นกำแพงดังกล่าวยังมีการวางรั้วซึ่งมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านตลอดเวลา และมีการขุดคูน้ำ รวมทั้งตั้งหอคอยสังเกตการณ์ด้วย ทั้งหมดอิสราเอลอ้างว่าทำไปเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ชาวยิวจากการก่อการร้ายของชาวปาเลสไตน์