xs
xsm
sm
md
lg

'ศุภาลัย' คงเป้ายอดขาย 2.6 หมื่นล้าน มั่นใจศักยภาพฝ่าไวรัสโควิด-19 ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศุภาลัย สยายปีกการลงทุนอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพิ่มพอร์ตบ้านแพง 5-10 ล้านบาท รองรับกลุ่มกำลังซื้อสูงในตลาดต่างจังหวัด พร้อมประกาศยืนเป้าตัวเลขยอดขาย 26,000 ล้านบาท มั่นใจสามารถฝ่าวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้



ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดต่างจังหวัด ว่า บริษัทศุภาลัยฯ ดำเนินการลงทุนทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบในหลายจังหวัด เนื่องจากแต่ละจังหวัดในแต่ละปีจะมีที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการแนวราบระดับราคาเกือบ 10 ล้านบาทไปจนถึงกว่า 10 ล้านบาทในจังหวัดใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง ขณะที่การเปิดโครงการคอนโดมิเนียม จะเน้นจังหวัดเมืองท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติเข้ามาเป็นจำนวนมาก เช่น จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต ระยอง และสงขลา เป็นต้น

ทั้งนี้ จากสถิติที่อยู่อาศัยที่เปิดเพิ่มในปี 2561 มีจำนวนมากขึ้น โดยพบว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑลมาเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นจังหวัดชลบุรี และเป็นจังหวัดที่บริษัทศุภาลัยฯ มียอดขายสูง พัฒนามาแล้ว 10 โครงการ พร้อมลงทุนซื้อที่ดินไว้พร้อมรองรับเปิดใหม่อีก 3-4 โครงการในปี 63 และในปีถัดไป

จังหวัดระยอง มีพัฒนาไปแล้ว 5 โครงการ และมีแผนที่จะพัฒนาเพิ่มโครงการที่ 6-8

จังหวัดนครราชสีมา บริษัทฯ เข้ามาลงทุนได้สักระยะ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปี จะสามารถเร่งยอดขายและการเปิดโครงการใหม่ได้จำนวนมากขึ้น ล่าสุดได้เปิดโครงการที่ 6 "ศุภาลัย พรีมา วิลล่า นครราชสีมา" รูปแบบมิกซ์ยูสโครงการแนวราบ คฤหาสน์หรูสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี บนเนื้อที่โครงการกว่า 56 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท โดยแปลงที่ดินดังกล่าวซื้อมารองรับการพัฒนาเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ในราคาไร่ละไม่ถึง 1 ล้านบาท แต่ปัจจุบันราคาปรับขึ้นถึง 6 เท่า ทำให้อัตรากำไรของโครงการดังกล่าวจะอยู่ระดับกว่า 60-70%

จังหวัดภูเก็ต
เดิมเป็นตลาดที่อยู่อาศัยที่เติบโตมากของบริษัทฯ ซึ่งได้พัฒนาไปแล้ว 10 โครงการ ก่อนที่จะขยับการลงทุนสู่จังหวัดชลบุรี เนื่องจากมีแนวโน้มเติบโตสูง มีอำเภอเมืองที่มีศักยภาพในการลงทุนกระจายมากกว่าภูเก็ต เช่น อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งมีบริษัทฯที่ดินรองรับพัฒนาโครงการ

ในส่วนของจังหวัดเป้าหมายที่จะเข้าไปขยายฐานลูกค้า ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่จะเข้าไปเปิดตัวโครงการ แต่จะเริ่มการขายในปี 2564 หรือการเข้าไปเปิดตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น

"การจะออกมาทำตลาดในต่างจังหวัดไม่ใช่ง่าย ต้องมองเรื่องราคาที่ดิน จำนวนลงทุนโครงการต้องทำเยอะ เพื่อให้มีขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้น อย่างของบริษัทศุภาลัย หากเป็นจังหวัดใหญ่จะเปิด 9-10 โครงการ จังหวัดระดับกลางเปิด 3-5 โครงการ เพื่อให้มีขนาดต่อการลงทุนและการเติบโตของบริษัทในอนาคต"


ท่องเที่ยวภูเก็ตรับผลกระทบโควิด-19

"เชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 แน่นอนกระทบต่อตลาดท่องเที่ยว ศูนย์การค้ากระทบธุรกิจโรงภาพยนต์ จะมีปัญหา ภูเก็ต ซึ่งพึ่งพาท่องเที่ยวเป็นสำคัญจะลำบาก ภาคการเกษตรมีน้อย อุตสาหกรรมมีน้อย ขณะที่จังหวัดชลบุรี ระยอง เกษตรกรรม และนิคมอุตสาหกรรมมีเยอะกว่า" ดร.ประทีป กล่าว

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัยฯ กล่าวเสริมภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า คาดการณ์ตลาดอสังหาฯ ยากมาก สิ่งที่ทางบริษัทฯ ต้องทำ คือ 1.การควบคุมการเงิน และ 2.บริหารการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งในปีนี้ ศุภาลัยฯ ยังคงยืนเป้าการขายปี 63 ไว้ตามเดิมที่ 26,000 ล้านบาท และเป้ารายได้ที่ 24,000 ล้านบาท แม้จะเป็นตัวเลขที่ตั้งก่อนเกิดปัจจัยการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) แต่เรามั่นใจว่า เป้าหมายทางการเงินทั้ง 2 ตัวเลขจะทำได้ ซึ่งในส่วนของรายได้มีลูกค้ารอเซ็นสัญญาคิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท ที่เหลือมาจากโครงการใหม่ที่เปิดในปีนี้ ลูกค้าจำนวนมากพร้อมซื้อโครงการพร้อมโอน หรือแม้แต่โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทโซนรถไฟฟ้าสายสีม่วง ยอดขายปี 2562 ไม่แย่กว่าปี 2561

สำหรับงบลงทุนซื้อที่ดินและก่อสร้างในปีนี้มีตัวเลขรวม 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท และงบค่าก่อสร้าง 12,000 ล้านบาท โดยยังคงเปิด 30โครงการใหม่ คิดเป็นมูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค พร้อมด้วยทำเลศักยภาพ เช่น พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก และฉะเชิงเทรา เพื่อครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทั่วภูมิภาค

ในด้านผลประกอบการปี 2562 สามารถทำรายได้ 23,957 ล้านบาท ลดลง 7% และมีกำไรสุทธิ 5,403 ล้านบาท ลดลง 6% เนื่องจากจำนวนโครงการที่เปิดตัวลดลง และมาตรการ LTV ใหม่ ซึ่งรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมและแนวราบ ส่งผลให้สินทรัพย์เติบโตขึ้น 5% มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ประมาณ 38,655 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น