xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.ตั้ง "ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจ" รับมือ บจ.บิทคอยน์ หยุดซื้อขาย 1 ต.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ประกาศหยุดทำธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้ ขณะที่ ก.ล.ต. ตั้งศูนย์แนะนำช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจด่วน พร้อมเตือนผู้ลงทุนให้ระวังเว็บไซต์ เฟซบุ๊กปลอมหลอกให้โอนเงิน ก่อนประสานดีเอสไอ-ปอศ.-ปอท.เอาผิดผู้แอบอ้าง ด้านผลงาน "บิทคอยน์" สิ้นปี 61 รายได้รวมเกือบ 380 ล้านบาท กำไรสุทธิ 225 ล้านบาท
วันนี้ (2 ก.ย. 62) บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ BX.in.th ว่า บริษัทได้ตัดสินใจยุติบทบาทการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการให้บริการด้านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Asset Wallet) เนื่องจากบริษัทได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจในทางอื่นๆ แทนการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัทไม่มีความประสงค์จะต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2563 อีกต่อไป
ดังนั้นภายหลังจากวันที่ 30 ก.ย. 62 ลูกค้าจะไม่สามารถทำการซื้อขาย, แลกเปลี่ยน (เทรดดิ้ง) ผ่านเว็บไซต์ BX.in.th ได้อีกต่อไป แต่ลูกค้ายังคงทำคำสั่งถอนได้ตามปกติ ขณะที่รายการฝากจะยุติตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ บริษัทแจ้งให้ลูกค้าทุกท่านทำการเปิดคำสั่งถอนสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินออกจากบัญชีของท่านที่มีอยู่ภายใต้ระบบ BX.in.th เพื่อเข้าสู่บัญชีธนาคารพาณิชย์และหรือกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว (Personal Wallet) ของทุกท่านที่ได้ลงทะเบียนไว้กับเราให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 บริษัทฯ จะยังคงเปิดเว็บไซต์ BX.in.th ต่อไปเพื่อเป็นช่องทางให้ลูกค้าสามารถติดต่อบริษัทฯ ในการดำเนินการถอนทรัพย์สินของลูกค้าที่ยังคงค้างอยู่ในระบบเท่านั้น หากลูกค้ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือในการถอน กรุณาส่งคำร้องของท่านผ่านทาง Support Ticket และพนักงานของเราจะทำการติดต่อและช่วยเหลือท่านต่อไป
"ด้วยมาตรฐานในการกำกับดูแลและให้บริการทุกท่านด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ขอให้ท่านมั่นใจได้ว่าเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าทุกท่านได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย และลูกค้าทุกท่านจะได้รับเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัลของท่านคืนทั้งหมด 100% อย่างแน่นอน"
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ตั้งศูนย์แนะนำช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจ เพื่อดูแลผู้ลงทุนกรณี บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยภายหลังจากวันที่ 30 กันยายน 2562 ลูกค้าจะไม่สามารถทำการซื้อขาย, แลกเปลี่ยน (เทรดดิ้ง)
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้ลงทุน จึงได้ตั้ง “ศูนย์แนะนำช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจ” เพื่อช่วยเหลือและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการถอน การรับโอนคืน หรือโอนย้ายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว โดยสามารถติดต่อได้ที่ Help Center ของ ก.ล.ต. ได้ที่ 1207 กด 7 หรืออีเมล์ info@sec.or.th 24 ชั่วโมง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2562 เวลา 6.45 น. เป็นต้นไป
รายงานข่าวจาก ก.ล.ต. แจ้งเพิ่มเติมว่า จากการติดตามของ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 62 เวลาประมาณ 8.30 น. พบว่ามีเฟซบุ๊กปลอมรายหนึ่งมีปรากฏข้อความหลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นช่องทางของ บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ในการรับโอนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล
ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าของ บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ใช้ความระมัดระวัง กรณีอาจมีเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก ที่ฉวยโอกาสนี้มาแอบอ้างให้โอนเงิน หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อป้องกันการถูกหลอก โดย ก.ล.ต. ขอให้ลูกค้าติดต่อที่เว็บไซต์ข้างต้นของ บริษัท บิทคอยน์ จำกัด เท่านั้น ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อพิจารณาดำเนินการกับผู้แอบอ้างดังกล่าวแล้ว
สำหรับบริษัท บิทคอยน์ จำกัด นับเป็นบริษัทแรกๆ ที่มาเปิดตลาดแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ในประเทศไทย จนกระทั่งธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งระงับบริการเมื่อปี 2013 ทุกวันนี้มีผู้ให้บริการเงินคริปโตในประเทศไทยได้รับอนุญาตเป็นทางการเพียง 4 รายเท่านั้น หลังจาก BX.in.th ปิดบริการไปก็จะเหลือเพียง 3 ราย คือ bitkub.com, satang.pro, และ coins.co.th
รายงานข่าวเพิ่มเติมจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org แจ้งว่า จากตรวจสอบข้อมูล บริษัท บิทคอยน์ จำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบบริษัท บิทคอยน์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2556 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 509, 511 ถ.รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. แจ้งประกอบธุรกิจการค้าสกุลเงินที่ใช้สำหรับทำธุรกรรม มีนายเดวิด เจสซี่ บาร์นส น.ส.พราวแสง ธมาภรณ์ น.ส.ปรารถนาอารี มูฮัมหมัดอัลโคลเลซ เป็นกรรมการ ขณะที่ผู้ถือหุ้น เป็นบุคคลสัญชาติไทย 58% บุคคลสัญชาติอังกฤษ 37% และบุคคลสัญชาติแคนาเดียน 5%
สำหรับงบการเงิน ปี 2561 มีรายได้รวม 379,164,744 บาท รายจ่ายรวม 97,953,200 บาท เสียภาษีเงินได้ 56,500,501 บาท กำไรสุทธิ 224,711,042 บาท ปี 2560 รายได้รวม 9,128,670 บาท กำไรสุทธิ 6,282,350 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 285,559,818 บาท กำไรสุทธิ 212,095,439 บาท
ส่วนทรัพย์สินปี 2561 ประกอบด้วย ลูกหนี้การค้าสุทธิ 47 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียน 653,710,553 บาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 8,881,493 บาท รวมสินทรัพย์ 662,592,047 บาท มีหนี้สินรวม 545,998,097 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น