xs
xsm
sm
md
lg

"สาธิต" ชี้เคส "พระบิดา" ไม่เกี่ยวปมเข้าถึงระบบสุขภาพ เผยทีมสุขภาพจิตเข้าดูแลแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"สาธิต" ขออย่าเอาเคส "พระบิดา" เชื่อมโยงเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข แล้วไปเชื่อในสิ่งที่ผิด ย้ำความเชื่อห้ามไม่ได้ ต้องศึกษาข้อมูลว่าสิ่งที่กินปลอดภัย สสจ.ชัยภูมิส่งทีมตรวจร่างกายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และส่งทีมสุขภาพจิตดูแลพระบิดาและลูกศิษย์

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี “พระบิดา” ที่ทำให้คนพึ่งพาการรักษาโรคด้วยวิธีผิดๆ สะท้อนการเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของประชาชน ว่า ต้องแยกให้ออกว่าแม้ระบบสาธารณสุขอาจมีปัญหาการเข้าถึงบ้างในบางส่วน เราใช้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองดูแล เมื่อความต้องการรับบริการจำนวนมาก อาจจะมีข้อติดขัดบ้าง แต่ไม่สามารถเอาเหตุนี้มาเปรียบเทียบเรื่องเข้าไม่ถึงระบบแล้วไปเชื่อในสิ่งที่ผิด การบริโภคสิ่งที่เป็นอันตรายหรือมีสิ่งเจือปนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าปลอดภัย เป็นหลักการสาธารณสุขพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีความรู้ ดังนั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบหรือเชื่อมโยงกัน ขณะที่ความเชื่อเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ แต่ต้องศึกษาข้อมูล การเคารพนับถือบุคคลต้องแยกออกจากสุขภาพอนามัยที่ดี ต้องตระหนักว่า เราจะรับประทานสิ่งใดได้ต้องพิสูจน์ได้ว่า ปลอดภัย

“กรณีพระบิดามีความชัดเจนว่าเป็นเรื่องการใช้ความเชื่อไปในทางที่ผิด และขาดสติในการไตร่ตรอง ตัดสินใจในการเสี่ยงบริโภคของที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าปลอดภัย 100% ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณวิเคราะห์หลักการและเหตุผล แยกแยะในส่วนของความเข้าใจอย่างหนึ่ง ปัญหาที่มีก็อย่างหนึ่ง แต่จะเชื่อมโยงกับการไปใช้วิธีเช่นนี้ไม่ได้ เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องอธิบายลำบาก แต่ต้องแยกจากการบริโภคที่ปลอดภัย” นายสาธิตกล่าวว่า

เมื่อถามว่ามีการตรวจสอบร่างกายของพระบิดาและลูกศิษย์หรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ (สสจ.) ว่า กำลังดำเนินการตรวจสุขภาพร่างกายผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงตรวจสุขภาพจิต โดยส่งทีม MCATT ของกรมสุขภาพจิตเข้าไปดูแลทั้งพระบิดาและลูกศิษย์ ทั้งนี้ สธ.มีหน้าที่ให้คำแนะนำ และต้องยอมรับว่าบริบทของประเทศที่มีคนกว่า 72 ล้านคน มีความหลากหลายและมีพื้นที่กว้างมาก บางครั้งทำให้หลุดรอดไปบ้าง อย่างที่เพิ่งรับทราบกันว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ หลังจากเกิดเหตุขึ้น อสม.ได้ออกมาเคลื่อนไหวดูแลคนในพื้นที่มากขึ้น แต่ด้วยงานของ อสม.และรพ.สต.พยายามเข้าไปสร้างภูมิคุ้มกันในแง่สุขภาพอนามัยและเข้าถึงการรักษา ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความไม่ทั่วถึง เมื่อทราบแล้วก็ต้องแก้ไข

เมื่อถามถึงการป้องกันไม่ให้เกิดพระบิดาคนอื่นตามมาอีก นายสาธิตกล่าวว่า เปรียบได้กับเรื่องอุบัติเหตุทางถนนที่เราพยายามรณรงค์ในทุกเรื่อง แต่ก็ยังเกิดขึ้นได้ แต่เราก็ต้องทำให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยเหตุการณ์คล้ายกันนี้ก็เคยเกิดขึ้น แม้เราคิดว่าไม่ควรเกิดขึ้น แต่ด้วยความหลากหลายของสังคมก็ทำให้เกิดขึ้นได้ เราจึงต้องสร้างความรู้ประชาชนในทุกช่องทาง ทั้งโซเชียลมีเดีย อสม. ระบบราชการ หรือประชาชนด้วยกันเอง ดังนั้นเราต้องช่วยกันสอดส่องดูแล


กำลังโหลดความคิดเห็น