“พนิต” เปิดสูตรใหม่เพิ่มรองผู้ว่าฯ กทม.มากกว่า 4 คน ดูแลคนรุ่นใหม่-ลดขัดแย้งการเมือง ยกลอนดอน มีถึง 10 คนแนะ ผู้ว่าฯ กทม.ต้องใจกล้า ขณะที่รัฐบาลต้องปลดล็อกกฎหมาย
วันนี้ (11 พ.ค.) นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว Panich Vikitsreth - พนิต วิกิตเศรษฐ์ ระบุเรื่อง “ถอดบทเรียน “ลอนดอน” สู่ “กรุงเทพฯ” เพิ่มรองผู้ว่าฯ กทม.ดูแลคนเมืองทุกมิติ” ว่า มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ชื่อว่า เป็นศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม และประวัติศาสตร์ของโลก ยังเป็นผู้นำด้านการเงิน การสื่อสาร แฟชั่น ศิลปะ บันเทิง
ในระหว่างทำภารกิจอยู่ที่นี้ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ได้พยายามถอดบทเรียนข้อดีของเมืองลอนดอน เพื่อนำเสนอแนวทางการบริหาร และพัฒนาเมือง โดยหวังว่า ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่ได้จากการเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. จะนำไปใช้หลังจากเมืองหลวงของไทย ว่างเว้นการเลือกตั้งมาร่วม 9 ปี ด้วยการยึดอำนาจจาก คสช.
สำหรับมหานครลอนดอน มีนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เป็นผู้นำบริหารงาน คล้ายกับกรุงเทพมหานคร ที่มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้นำ ขณะเดียวกัน ขนาดและจำนวนประชากรที่ต้องดูแลยังใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างกันในส่วนของฝ่ายบริหาร โดยพบว่า นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน จะมีรองนายกเทศมนตรีช่วยทำงานมากถึง 10 คน ในขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ของเรามีรองผู้ว่าฯกทม. เพียง 4 คนเท่านั้น
สาเหตุที่รองนายกเทศมนตรีลอนดอนมีมากถึง 10 คน เพราะเมืองหลวงแห่งนี้มีความหลากหลายของประชากร มีเรื่องที่จำเป็นต้องดูแลเฉพาะด้านหลายมิติเพื่อให้แก้ไขและพัฒนาได้อย่างถูกจุด อีกทั้งยังมีภาระหน้าที่และนโยบายที่รับปากไว้กับประชาชนจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องมีผู้รับผิดชอบเฉพาะด้านเพื่อให้ครอบคลุม
นอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานแล้ว การมีรองนายกเทศมนตรีถึง 10 คน ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้ง การแย่งชิงตำแหน่ง ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่นายกเทศมนตรีคนเดียว หรือรองนายกเทศมนตรีเพียงไม่กี่คน ซ้ำยังเป็นการเปิดให้คนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์ในหลายๆ ด้านเข้ามาพัฒนาการเมือง นอกจากนี้ นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนบางคน ยังเคยมี รองนายกเทศมนตรี “young people” ดูแลคนรุ่นใหม่ ส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และรวมถึง รองฯ “Government and External Relations” ที่ดูแลความสัมพันธ์กับรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มีเกี่ยวข้องกับเมือง
นายพนิต กล่าวว่า ในฐานะเคยเป็นอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. มองกลับมาที่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยที่มีขนาดและจำนวนประชากรใกล้ๆ กับเขา ตลอดจนเรื่องที่ต้องแก้ไขและพัฒนาในหลายมิติ แล้วเห็นว่า หากเรามีรองผู้ว่าฯ กทม. เฉพาะด้านได้มากกว่า 4 คน เหมือนที่เป็นอยู่ น่าจะช่วยทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ในขณะที่รองปลัด กทม.ยังมีถึง 6 ตำแหน่ง เพราะปัญหาของกรุงเทพมหานครมีอยู่หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นสังคม สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นและต้องการมีส่วนร่วมทางการเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. จำนวน 4 คน จึงไม่น่าจะตอบโจทย์ เพราะปัญหาแต่ละปัญหาควรจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ดูแลน่ามีประสิทธิภาพมากกว่า
อีกทั้งในปัจจุบันมิติของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาเมืองนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง การใช้ระบบอัจฉริยะเพื่อการเอื้ออำนวยความสะดวกต่างๆ หรือ การเก็บข้อมูลที่จะทำให้การบริหารเมืองนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงควรจะต้องมีรองผู้ว่าฯที่เข้ามาทำงานด้านงานเทคโนโลยี หรือ IT โดยเฉพาะ หรือการที่กรุงเทพเป็นเมืองที่ไม่หลับใหล ต้องการการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนจำนวนมาก การมีรองผู้ว่าฯสักคน ทำหน้าที่ดูแลประชาชนช่วงกลางคืนน่าจะเป็นผลดี
แต่เรามีข้อจำกัดในเรื่องของกฎหมาย เพราะใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ในมาตรา 55 ที่บัญญัติไว้ว่า ให้มีรองผู้ว่าฯ กทม.จำนวนไม่เกิน 4 คน การจำกัดจำนวนเท่านี้ทำให้รองผู้ว่าฯ กทม.แต่ละคนรับต้องผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าฯ กทม.ต่อคนค่อนข้างเยอะ และหลายเรื่องอาจไม่ใช่เรื่องที่ถนัดนัก
“ฉะนั้น หากจะเพิ่มจำนวนรองผู้ว่าฯ กทม.ให้ครอบคลุมภารกิจของ กทม. จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายตัวนี้ เพื่อเป็นการปลดล็อก โดยเริ่มต้นจากผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ในขณะที่กระทรวงมหาดไทย และรัฐบาลที่มีอำนาจเสนอกฎหมายและสามารรถผลักดันให้สำเร็จได้ต้องมีความใจกว้างด้วย เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประชาชนในเมืองหลวงได้ทุกมิติและมีประสิทธิภาพกรุงเทพมหานคร มีปัญหาที่หลากหลายและสลับซับซ้อน เราต้องการคนที่ความรู้และเข้าใจลึกซึ้งมาแก้ปัญหา อย่าให้ข้อจำกัดบางอย่าง หรือเงื่อนไขทางการเมืองมาเป็นอุปสรรคให้เราเดินหน้าได้ไม่เต็มที่” นายพนิต กล่าว
พร้อมด้วยแฮชแท็ก #เพิ่มรองผู้ว่าฯ #ปลดล็อกกฎหมาย #อีก1สูตรสำคัญในการบริหาร กทม.
