xs
xsm
sm
md
lg

ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ศูนย์กลางนวัตกรรมและบริการทางการแพทย์ สุขภาพ ครบวงจรของไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพและการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่นานาประเทศให้ความสำคัญและเร่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งประเทศที่ได้รับการยอมรับจากระดับนานาชาติในเรื่องความรู้ความสามารถในการให้บริการทางด้านสุขภาพ ดังนั้น การวางรากฐานและสร้างต้นแบบการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ในประเทศจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของชาติ Thailand 4.0 ในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)

ทั้งนี้ จากความร่วมมือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและขับเคลื่อนย่านนวัตกรรมสุขภาพโยธี โดยมี นายแพทย์ สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อร่วมพัฒนาแนวทางและกิจกรรมในการพัฒนาย่านฯ ทั้งในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ บริการ สภาพแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐาน โดยได้ดำเนินการจัดทำแผนการพัฒนาย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีให้เป็นศูนย์กลางและการรักษาและการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพต้นแบบขึ้น ภายใต้พื้นที่ย่านโยธี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตย่านที่มีสถานพยาบาล สถาบันการศึกษาทางการแพทย์ ที่มีการกระจุกตัวของโรงพยาบาล และสถาบันทางการแพทย์ จำนวนทรัพยากรบุคคล บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ สถานพยาบาล โรงเรียนแพทย์ และโครงสร้างพื้นฐาน ต่อจำนวนประชากรสูงสุดในกรุงเทพมหานคร

เมื่อเร็วๆ นี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (Yothi Medical Innovation District : YMID) ซึ่งเป็นแผนในการพัฒนาย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีให้เป็นศูนย์กลางและการรักษาและการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพต้นแบบขึ้น เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของชาติ Thailand 4.0 ต่อการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยมี ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศ.คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมชมนิทรรศการฯ ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลไทย

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งประเทศที่ได้รับการยอมรับจากระดับนานาชาติในเรื่องความรู้ความสามารถในการให้บริการทางด้านสุขภาพ ดังนั้น การวางรากฐานและสร้างต้นแบบการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ในประเทศจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของชาติ Thailand 4.0 ในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โยธีจึงถูกเลือกเป็นย่านนวัตกรรมการแพทย์ด้วยปัจจัยดังนี้ ด้วยศักยภาพของพื้นที่โดยรอบตั้งแต่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตลอดจนถึงบริเวณถนนพระราม 6 นั้นหนาแน่นไปด้วยจำนวนโรงพยาบาลมากกว่า 10 แห่ง ทำให้พื้นที่สามารถตอบสนองต่อการให้บริการทางการแพทย์และสามารถรองรับปริมาณคนไข้ที่เข้ามายังพื้นที่ได้จำนวนมาก เป็นโอกาสสร้างพื้นที่นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธียังมีศักยภาพในการยกระดับเป็นศูนย์รวมของการสร้างนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อนำไปสู่การขยายผลในระดับประเทศ และนานาชาติ ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาระบบแพทย์ทางไกล (Tele-Medicine) โรงพยาบาลอัจฉริยะ (Hospital 4.0) และการแพทย์แม่นยำ (Precision medicine) เป็นต้น ด้วยเหตุที่กิจกรรมทางการแพทย์ที่นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ย่านนวัตกรรมโยธี จึงเหมาะแก่การเป็น Medtech and Healthtech Sandbox โดยใช้ทรัพยากรและความสามารถทางการแพทย์ที่มีอยู่ในพื้นที่เป็น Test Bed ที่จะยกระดับการแพทย์ไทยไปสู่ระดับสากล เช่น การใช้โรงพยาบาลในย่านเป็นพื้นที่การทดสอบต้นแบบ (Prototyping) และการทดสอบทางคลินิก (Clinical trial) และการขยายผลไปสู่โรงพยาบาลในพื้นที่อื่นๆ

ด้าน ศ.คลินิก นายแพทย์ อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การส่งเสริมให้เกิดย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีต้องอาศัยการพัฒนาทรัพยากรที่เป็นแพทย์ พยาบาล หรือแม้แต่การพัฒนาการวิจัยทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาต่อยอดและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เกิดการลงทุนการบริการทางการแพทย์และสุขภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของการบริการทางการแพทย์ในด้านต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น บทบาทของการศึกษาและวิจัยจะช่วยยกระดับการพัฒนาย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีประกอบไปด้วย

ด้วยมหาวิทยาลัยวิจัยในพื้นที่มีคณะที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์เป็นจำนวนมาก เช่น คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี คณะทันตแพทย์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะสาธารณสุข คณะวิทยาศาสตร์ และวิทยาลัยพยาบาล ทำให้มีความเหมาะสมในการเป็น Medtech innovator reservoir ในการสร้างบุคลากรด้านการแพทย์มุ่งสู่การเป็น world class ทางการแพทย์และตอบโจทย์การเป็น hospital 4.0

นอกจากนั้น สถาบันวิจัยและสถาบันเฉพาะทางการแพทย์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่ คือ Innovation Lab ด้านการแพทย์ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่า 1.7 ล้าน ตร.ม. เพื่อให้เกิดกิจกรรมด้านวิจัยและนวัตกรรม (Research to Innovation, R2I) โดยมีหลายคณะเข้ามามีส่วนร่วมศักยภาพการเรียนการสอนและวิจัยการแพทย์ข้างต้น จะเป็นตัวเร่งการยกระดับศักยภาพบทบาทของงานวิจัยในมหาวิทยาลัยทั้งในย่าน และพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อสร้าง research excellence ระดับโลก และต่อยอดพัฒนา Research capability เพื่อสร้างงานวิจัยที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การแพทย์ในระดับสากล

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การพัฒนาย่านนวัตกรรม (Innovation District) ของประเทศไทยจะมีบทบาทในการพัฒนาและขับเคลื่อนนวัตกรรมและเศรษฐกิจของประเทศได้ดังนี้  การพัฒนาย่านนวัตกรรมเป็นแนวคิดใหม่ของการวางแผนและออกแบบพื้นที่เมือง มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมให้รวมกันเป็นคลัสเตอร์ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือ และกลไกที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ดำเนินกิจกรรมภายในย่าน

บทบาทในการพัฒนาย่านนวัตกรรม มุ่งเน้นให้เกิดการสร้างงานรูปแบบใหม่ จากการสร้างสรรค์นวัตกรรม (co-creation) ให้เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตในยุคสมัยใหม่ รวมทั้งสร้างการเชื่อมต่อ (connecting) ระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคเอกชน รวมถึงกลุ่ม Startup และกลุ่มผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้ามาร่วมกันวางแผนยกระดับนวัตกรรมในพื้นที่ ท้ายที่สุดจะเกิดเป็นการแบ่งปันความรู้ (knowledge sharing) 
การสร้างให้ย่านมี Incentive เทียบเท่า EEC เพื่อเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยเฉพาะ startup นักลงทุน นักพัฒนาที่ดินด้านสุขภาพ และ Global Value Chain ด้านการแพทย์ 

การเร่งสร้างให้เกิด Mandatory innovation ในย่าน เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและระบบนวัตกรรมการแพทย์ของไทย สร้างบทบาทนำด้านการบริการการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การนำเสนอนวัตกรรมภาครัฐ (Public sector innovation) ที่ประชาชนสัมผัสและจับต้องได้ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่าง IDE Startup กับโรงพยาบาลในพื้นที่

การทำนวัตกรรมเชิงพื้นที่ (Area-based innovation) ในเนื้อเมืองชั้นในเพื่อทำให้เกิด smart city ทั้งในพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่โรงพยาบาล

การปรับเปลี่ยนมุมมองการเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ในรูปแบบใหม่ด้วยนวัตกรรม เช่น Tele Medicine, Health service และนวัตกรรมทั่วถึง สำหรับคนชรา และคนพิการ







กำลังโหลดความคิดเห็น